กู่ประภาชัย หรือ กู่บ้านนาคำน้อย ขอนแก่น



กู่ประภาชัย หรือที่ใครหลายๆ คน นิยมเรียกกันว่า กู่บ้านนาคำน้อย ซึ่งตั้งอยู่บริเวณบ้านนาคำน้อย ตำบลบัวใหญ่ อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น อยู่ห่างจากตัวเมืองขอนแก่นประมาณ 57 กิโลเมตร การเดินทางใช้เส้นทางเดียวกันกับพระธาตุขามแก่นเลยค่ะ โดยกู่ประภาชัยเป็นโบราณสถานที่มีลักษณะแผนผังเป็นอโรคยาศาล ได้ตั้งอยู่ภายในวัดบ้านนาคำน้อย เป็นสถาปัตยกรรมของขอม ก่อสร้างด้วยศิลาแลงและหินทราย สันนิฐานว่าถูกสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรเขมรโบราณ ซึ่งคำว่า "กู่" ในภาษาอีสานนั้น หมายความว่า "ปราสาท" และทางกรมศิลปากรและกระทรวงวัฒนธรรมได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อปี พ.ศ.2478




กู่ประภาชัย  ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ หากมีโอกาสได้เดินทางมาจังหวัดขอนแก่น ไม่ควรพลาดมาชมความงดงามของโบราณสถานที่สำคัญของประเทศชาติอีกแห่งหนึ่งนะคะ ซึ่งสภาพปัจจุบันอาจจะปลักหักพังไปมาก แต่ก็ได้รับการดูแลจากวัดและชุมชนเป็นอย่างดี ถือว่าเป็นโบราณสถานที่น่าศึกษา และสักการะบูชาเป็นอย่างยิ่ง โดยมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ด้านใน มีหินก้อนใหญ่ที่ถือว่าเป็นหินศักดิ์สิทธิ์วางไว้บนแท่น ที่ทำขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ชาวบ้านและประชาชนทั่วไปได้มาสักการะบูชากันค่ะ




ภายในบริเวณประกอบไปด้วย ปรางค์ประธานรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีมุขยื่นมาทางด้านหน้า เป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมที่เรียกว่า "บรรณาลัย" ล้อมรอบไปด้วยกำแพงแก้ว โดยมีซุ้มประตูทางเข้าออกด้านหน้าทางด้านทิศตะวันออกเพียงด้านเดียวเท่านั้น ส่วนด้านนอกกำแพงมีสระน้ำ เชื่อกันว่าน้ำในสระเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ค่ะ โดยหลวงพ่อกู่นี้ ชาวบ้านในพื้นที่ให้ความเคารพเลื่อมใสและศรัทธามาเนิ่นนาน ซึ่งปัจจุบันชาวบ้านได้อัญเชิญหลวงพ่อกู่ ไปประดิษฐานในศาลาพิพิธภัณฑ์แล้ว เพื่อให้ชาวบ้านและประชาชนได้มากราบไหว้สะดวกยิ่งขึ้น 




ศาลาพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นนี้ เป็นแหล่งเรียนรู้กู่ประภาชัยค่ะ เป็นอาคารจัดแสดงอยู่ใกล้ๆ กับโบราณสถาน โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ผู้นำชุมชนและชาวบ้านได้ช่วยกันสร้างขึ้นมา เพื่อต้องการเก็บรักษาวัตถุโบราณคู่บ้านคู่เมือง ให้อยู่ในสถานที่เดิม และชาวบ้านจะมีความผูกพันกับกู่ประภาชัยแห่งนี้เป็นอย่างมากด้วยค่ะ




ภายในพิพิธภัณฑ์มีห้องจัดแสดงทั้งหมด 3 ห้องด้วยกัน ห้องแรกจะอยู่ด้านหน้าเลยค่ะ จะเป็นนิทรรศการเล่าเรื่องราวการก่อตั้งบ้านนาคำน้อย โดยมีรูปปั้นของพ่อใหญ่ทั้ง 5 ท่าน คือ พ่อใหญ่หลวงผาสารท (ต้นสกุลตรีศาสตร์) พ่อใหญ่พรมภักดี พ่อใหญ่จันทะเนตร พ่อใหญ่พระไกร และพ่อใหญ่ม่อง ส่วนบอร์ดที่ติดกับผนัง ได้กล่าวถึงบุคคลสำคัญที่ได้ทำคุณงามความดีและคุณประโยชน์ให้กับชุมชน ส่วนอีกบอร์ดหนึ่งจะบอกถึงสภาพภูมิประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์ในการทำเกษตร ซึ่งปัจจุบันชาวบ้านที่นี่ก็ยังคงทำนาเหมือนเช่นในอดีตค่ะ 




ห้องถัดมาจะเป็นห้องจัดแสดงที่ใหญ่ที่สุด คือ ห้องโบราณวัตถุ ที่ได้มาจากการขุดแต่งบูรณะโบราณสถาน การค้นพบโบราณวัตถุเหล่านี้ ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจ และไม่คาดคิดว่าจะพบเจอของล้ำค่าหลายชิ้น ซึ่งโบราณวัตถุที่พบมีอยู่ด้วยกัน 2 ยุคสมัยด้วยกัน คือ สมัยเขมรโบราณและสมัยล้านช้างค่ะ และโบราณวัตถุที่มีความโดดเด่น คือ เศียรรูปพระโพธิสัตว์สมัยลพบุรี อายุประมาณ 800 ปี แก้วยอดฉัตรที่ทำด้วยอัญมณีก้อนกลม ห่อหุ้มด้วยเส้นโลหะทั้ง 4 ด้าน ชาวบ้านเรียกกันว่า แก้วสารพัดนึก แท่นหินวางศิลาฤกษ์ แผ่นทองคำสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีลวดลาย หินควอตซ์ซึ่งเป็นหินที่มีค่าอีกจำนวนหนึ่ง ฯลฯ  ซึ่งสมบัติล้ำค่าเหล่านี้ ได้ปรากฏขึ้นในช่วงการบูรณะโบราณสถานในช่วงปี พ.ศ.2541 - 2543




ส่วนอีกด้านขวามือ ได้จัดแสดงเกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวบ้าน จะแสดงเครื่องใช้พื้นบ้านในการทำนา เช่น แอก คันไถ ไม้ตีข้าว ฯลฯ  อุปกรณ์หาปลา เช่น ไซ ข้อง ฯลฯ อุปกรณ์ทอผ้า อัก ฟัม เหล่น อิ้ว ไม้เก็บขิด ฯลฯ  เครื่องครัวสมัยก่อน กระต่ายขูดมะพร้าว โบม ครุ ฯลฯ อาวุธสำหรับการล่าสัตว์ เบ็ด มีดปลายแหลม ดาบ ตะเกียงแก๊ส หน้าไม้ ฯลฯ และเครื่องใช้อื่นๆ เช่น เตารีดโบราณ ตาชั่ง เชี่ยนหมาก ตะเกียงเจ้าพายุ ฯลฯ




ซึ่งในทุกๆ ปี วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 จะเป็นงานประเพณีสรงกู่ เป็นพิธีกรรมมีการผสมผสานความเชื่อและความศรัทธาในพระพุทธศาสนา ที่ได้ถือปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายายค่ะ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความรักและความเข้มแข็งของชุมชนด้วยค่ะ ปัจจุบันกู่ประภาชัย คือ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และทางวัฒนธรรม ของอำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น ที่มีปรางค์กู่ที่งดงาม และได้มาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเป็นสิริมงคลต่อตนเองและครอบครัว เมื่อได้มาชมปราสาทหินแล้ว อย่าลืมเข้าชมภายในพิพิธภัณฑ์แหล่งเรียนรู้กู่ประภาชัยกันด้วยนะคะ ถึงจะถือว่าได้มาที่นี่ครบถ้วนสมบูรณ์ค่ะ