ทุ่งดอกกระเจียว อุทยานแห่งชาติไทรทอง ชัยภูมิ



ทุ่งดอกกระเจียว อุทยานแห่งชาติไทรทอง เป็นอีก 1 แห่งของจังหวัดชัยภูมิ  ที่นักท่องเที่ยวต่างก็รู้จักเป็นอย่างดี ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีดอกกระเจียวอยู่หลายทุ่ง ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติไทรทอง เป็นอุทยานฯ ที่มีพื้นที่แผ่วงกว้างไปหลายอำเภอ เช่น อำเภอหนองบัวระเหว อำเภอเทพสถิต อำเภอภักดีชุมพล และอำเภอหนองบัวแดง ของจังหวัดชัยภูมิ โดยมีอาณาเขตติดต่อกับอุทยานแห่งชาติป่าหินงามและอุทยานแห่งชาติภูแลนคา เป็นผืนป่าบนเทือกเขาพังเหย อยู่ห่างจากตัวเมืองจังหวัดชัยภูมิประมาณ 70 กม. และห่างจากอำเภอหนองบัวระเหว ประมาณ 37 กม. ไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 225 (สายชัยภูมิ - นครสวรรค์) 




เราเดินทางมาถึงอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2560 มาถึงที่นี่ 6 โมงเย็นเห็นจะได้ มาพักตั้งหลักที่นี่ 1 คืน ตื่นมาตอนเช้าก็จะได้ลุยชมทุ่งดอกกระเจียวกันเลย คิดไปต่างๆ นานา แบบคนโลกสวยอ่ะนะ อิอิ แต่พอตื่นมาตอนเช้าฝันสลายไม่เป็นท่าค่ะ เพราะกลางคืนฝนเทลงมาไม่ขาดสายและเพิ่งจะหยุดตกไปเมื่อตอนเช้ามืดนี่เอง อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ออกมาดูลาดเลา ปรากฎว่าน้ำป่าทะลักลงมาเชี่ยวกราดเหลือเกิน เกินกว่าที่จะนำรถฝ่ากระแสน้ำไปได้ ขนาดรถวินสองแถวรับจ้างยังไม่กล้าลุยไปเลย เราคนต่างถิ่นอย่าได้ริสร้างวีรกรรม ฮ่าๆ ซึ่งการนำรถขึ้นไปชมทุ่งดอกกระเจียวนั้น ห้ามรถเก๋ง รถตู้ รถโหลดเตี้ยขึ้นไปนะคะ เพราะสภาพเส้นทางบางช่วงต้องข้ามน้ำ มีเส้นทางคดเคี้ยวและลาดชัน อาจจะเกิดความเสียหายและเกิดอันตรายได้ หากใครขับรถดังกล่าวมา แนะนำให้ใช้บริการรถวินสองแถวรับจ้างดีกว่าค่ะ 




เจ้าหน้าที่บอกว่าต้องรอน้ำลดกว่านี้ถึงจะขับรถฝ่ากระแสน้ำไปได้ คงจะประมาณ 11 โมงอ่ะนะ ฟังแล้วหดหู่ใจเลยค่ะ ระหว่างที่รอก็เติมพลังสิค่ะพี่น้อง ชีวิตคิดไรมาก นอกจากเรื่องเที่ยวแล้ว เรื่องกินก็สำคัญนะเออ ในอุทยานแห่งชาติไทรทองมีร้านอาหารอยู่เพียงร้านเดียว ขายอาหารอีสาน ส้มตำ ไก่ย่าง ปลาเผา และอาหารตามสั่งค่ะ เราไม่มีตัวเลือกใช่มั้ย?? ว่าแล้วก็สั่งเมนูตามภาพเลยค่ะ ส้มตำสิเออ แต่ไก่ย่างไม่เอาแล้วนะ เพราะทานมาเยอะแระ มื้อนี้ขอเป็นปลาเผาดีฟ่าา ข้าวผัดและไข่ดาว มาว่ากันเรื่องรสชาติ ส้มตำหน้าตาดีแต่ความแซ่บยังไม่เต็มที่ ปลาเผาเนื้อแห้งไปเหมือนเผาค้างคืนจากเมื่อวานเลยค่ะ ส่วนข้าวผัดไม่อยากจะเอ่ย เมล็ดข้าวแข็งมากถึงมากที่สุด มีแต่ไข่ดาวพอได้อยู่ ฮ่าๆ ส่วนเรื่องราคาแอบแพงไปนะ ... เราว่า  ปลาเผา 180 บาท อ๊าคคคค 




หลังจากทานข้าวอิ่มแล้ว ก็ขับรถวนไปวนมาหลายสิบรอบ เมื่อไหร่ๆๆๆๆ น้ำจะลดสักที นี่ก็จะ 10 โมงแล้วนะ ถ้าช้าไปกว่านี้ เห็นทีจะต้องสลายการชุมนุม ไม่ดงไม่ดูมันแระ แอบน้อยใจในโชคชะตานิ๊ดๆ แต่เชื่อมั้ยว่าคนดีย่อมโชคดีเสมอ ฮี่ๆ หลังจากวนรถอยู่นาน สายตาเหลือบไปเห็นรถวินสองแถวรับจ้างบรรทุกคนเต็มคันรถเลย เฮ้ยยยย!!!  ไปไหนกันฟร่ะ รถไม่ได้มุ่งหน้าไปเส้นที่จะข้ามลำน้ำนี่หว่า ด้วยความสอดรู้สอดเห็นที่มี ... ตามสิครับพี่น้อง กร๊ากกก เหยียบคันเร่งมิดเลยฮะ จี้ตูดดดไปติดๆ ไปแบบไม่สะกดรอยตามด้วยนะ ตามติดแบบซึ่งหน้าเลยอ่ะ ฮ่าๆ รถวินสองแถวขับไปเรื่อยๆ จนผ่านประตูอุทยานฯ ที่เก็บเงิน มีจอดทักทายกันนิดหน่อยและผ่านไป เราก็ชะลอรถและเลื่อนกระจกลงถามเจ้าหน้าที่ว่ารถคันหน้าเขาไปไหนกัน เจ้าหน้าที่บอกว่าเขาขับรถไปอีกเส้นทางหนึ่ง ได้ยินเช่นนั้น มาถูกทางแล้วตรู!! ตั้งหน้าตั้งตาขับตามไปเรื่อยๆ คนขับรถวินสองแถวก็ให้สัญญาณให้แซงขึ้นไป จะแซงทำไมค่ะล่วกเพ่!! ขอไปด้วยคนจิ แหม๊!! ขับมาหลายกิโลเหมือนกันนะคะ เส้นทางค่อนข้างซอกแซก จนมาถึงหน้าด่านอุทยานอีกด้านหนึ่ง คนขับรถวินก็ลงไปแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่อุทยานว่าพานักท่องเที่ยวมาทางนี้ เพราะเส้นทางโน่นน้ำเชี่ยวเกินไป เราเองก็ลงไปแสดงตัวเหมือนกัน ฮ่าๆ  คนขับรถวินสองแถวก็ยืนยันว่าเรามาจากอุทยานฯ เช่นกัน จึงไม่ต้องจ่ายค่าผ่านประตูอีก เราจึงจ่ายทิปให้กับคนขับรถสองแถวไป 100 บาท เพื่อเป็นสินน้ำใจ สายเปย์ก็มา แห่ะๆ




ขับรถขึ้นมาไกลพอสมควร แรกๆ จะเป็นถนนคอนกรีตค่ะ ตรงที่รถตู้จอด คือ สิ้นสุดถนนคอนกรีตแล้ว นอกนั้นก็เป็นถนนลูกรัง พวกเรายังลุยต่อไปได้อีกเยอะ แรกๆ ถนนก็ดีนะ แต่พอยิ่งขับยิ่งเลวร้ายฮะ ถนนมันก็จะเละๆ หน่อยนะ เพราะก่อนหน้านั้นมีรถชาวบ้านขับขึ้นไป ทำให้ถนนเละดูไม่จืดเลย สภาพตามรูปภาพเลยค่ะ ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมคนขับวินสองแถวถึงได้บอกว่า อย่าขับจี้ท้ายผมมาก อิอิ ด้วยสภาพที่เมื่อคืนฝนตกหนักทั้งคืน ทำให้ถนนเละและลื่นมาก ต้องใช้ความระมัดระวังค่อนข้างสูง จะขับช้าก็กลัวจะติดหล่ม จะขับเร็วก็กลัวจะแฉลบ ฝีมือล้วนๆ เลยฮะ ... ไม่อยากจะคุย อิอิ ขับดั้นด้นมาพอสมควร สุดท้ายก็ต้องจอด เพราะรถวินสองแถวติดหล่มซะแว้วว เลยไปต่อไม่ได้ คนขับรถวินสองแถวบอกให้นักท่องเที่ยวเดินเท้าขึ้นไปประมาณ 200 เมตรก็ถึง จัดการถอยรถแอบข้างทาง แล้วออกลุยกันเลยค่าาา 




เดินเท้าขึ้นมา 200 เมตรเท่านั้น เราก็จะเริ่มเห็นจุดหมายแล้วค่ะ ข้างบนจะมีลานกางเต้นท์และร้านอาหาร ซึ่งมีเพียงร้านเดียวเท่านั้นนะคะ มีห้องน้ำไว้บริการด้วย แม้สภาพจะไม่สู้ดีนัก แต่ก็พอแก้ขัดได้โดยไม่ต้องไปยิงกระต่ายหรือเด็ดดอกไม้กลางทุ่งนะเออ ฮ่าๆ จุดแรกที่เราพบ คือ ทุ่งบัวสวรรค์ 1 ซึ่งเป็นทุ่งที่มีดอกกระเจียวที่หนาแน่นมากที่สุด เดินต่อขึ้นไปอีกประมาณ 200 เมตรนะคะ ระหว่างสองข้างทางก็สามารถสัมผัสดอกกระเจียวที่ขึ้นกระจัดกระจายได้ตลอดทาง วันนี้นักท่องเที่ยวไม่เยอะ มีทั้งหมด 4 กลุ่มด้วยกัน กลุ่มเรา กลุ่มรถตู้ กลุ่มรถสองแถว และกลุ่มรถยนต์อีกคันที่ตามมาทีหลัง 




ทุ่งดอกกระเจียว อุทยานแห่งชาติไทรทอง เป็นทุ่งดอกกระเจียวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของจังหวัดชัยภูมิ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณสันเขาพังเหยทางทิศตะวันตก นอกจากนั้นยังมีความพิเศษที่สามารถเลือกชมได้ 2 สี คือ ดอกกระเจียวสีม่วงอมชมพู ที่เรียกว่า ดอกบัวสวรรค์ และดอกกระเจียวสีขาว ที่เรียกว่า ดอกบัวเทพอัปสร พอถึงฤดูกาลดอกกระเจียวบานก็จะมีนักท่องเที่ยวต่างเดินทางมาชมกันไม่ขาดสาย ซึ่งอุทยานแห่งชาติไทรทองจะมีดอกกระเจียวเบ่งบานอยู่หลายทุ่ง แต่เรามีเวลาน้อย สามารถชมได้เพียงแค่ทุ่งเดียว คือ ทุ่งบัวสวรรค์ 1 ซึ่งเป็นทุ่งดอกกระเจียวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของอุทยานแห่งชาติไทรทองเชียวนะเออ




ทุ่งดอกบัวสวรรค์กลุ่มที่ 1 จะมีลักษณะของพื้นที่เป็นทุ่งโล่งบนที่ลาดเนินเขา สามารถมองวิวทิวทัศน์ลาดลงไปจนเห็นเส้นขอบฟ้า และมองเห็นทุ่งดอกกระเจียวได้ไกลสุดสายตา สภาพแวดล้อมจะล้อมรอบไปด้วยป่าเต็งรังที่สมบูรณ์ และมีเส้นทางเดินชมทุ่งดอกกระเจียวค่อนข้างสะดวกสบายค่ะ หากจะให้เปรียบเทียบระหว่างดอกกระเจียวของอุทยานฯ ไทรทอง และอุทยานฯ ป่าหินงาม ด้วยสายตาของเราบอกเลยว่า ... ดอกกระเจียวของอุทยานแห่งชาติไทรทองสวยกว่าอุทยานแห่งชาติป่าหินงามเยอะเลยค่ะ และดอกกระเจียวของที่นี่ก็ออกดอกโตมากๆ บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ มองแล้วสดชื่นหัวใจ อิอิ




เข้าหน้าฝนของทุกปี เราจะคิดถึงแต่ดอกไม้ที่ชื่อดอกกระเจียวที่มีสีชมพูอมม่วง ที่เบ่งบานท่ามกลางใบหญ้าสีเขียว ซึ่งเป็นทุ่งดอกไม้ที่ขึ้นได้เองตามธรรมชาติ ที่มีให้ได้ชมกันทุกปีที่จังหวัดชัยภูมิ ปกติในทุกๆ ปี ดอกกระเจียวจะออกดอกสวยงามเต็มท้องทุ่งประมาณปลายเดือนมิถุนายนไปจนถึงกลางเดือนสิงหาคม ซึ่งในช่วงเดือนกรกฎาคมเช่นนี้ ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมดอกกระเจียวเลยค่ะ ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศของปีนั้นๆ ด้วยนะคะ ว่าปีนั้นมีฝนตกมากน้อยเพียงใด หรือฝนมาช้าหรือมาเร็ว หากไม่อยากเดินทางเสียเที่ยวเสียเวลา เราขอแนะนำให้ติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ก่อนที่จะเดินทางมา ... จะดีที่สุด




ใครที่ได้มาชมดอกกระเจียวที่บานเต็มทุ่งแบบนี้ คงจะตื่นตาตื่นใจกับความสวยงามไม่แพ้เราแน่ๆ และคงจะถ่ายรูปกันเพลินๆ จนลืมเวลาเลยล่ะค่ะ เพราะไม่ว่าจะหันไปมองมุมไหนด้านไหน ก็เจอแต่ดอกกระเจียวเต็มไปหมด แต่ละดอกบานชูช่ออวดโฉมจนอยากจะค้างอีกสักคืน เพื่อจะใช้เวลาทั้งหมดกับการชมดอกกระเจียวให้ครบทุกทุ่ง แต่คงจะเป็นไปไม่ได้แระ เพราะเราต้องตีรถลงไปชมดอกกระเจียวที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงามกันต่อ ซึ่งตอนนี้ก็เข้าเดือนสิงหาคมแล้ว ถือว่าเป็นโค้งสุดท้ายแล้วสำหรับการชมทุ่งดอกกระเจียว ใครที่อยากมาชมต้องรีบๆ กันหน่อยนะคะ ก่อนเดินทางกลับไปยังรถที่จอดอยู่ ตบเป๋าซ้ายตบเป๋าขวา อุแว้!! ลืมพกเงินมาด้วย หิวน้ำเด้ รีบเกิ๊นนน ลงจากรถคว้ามาแค่กล้อง นอกนั้นลืมหมด ฮ่าๆ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น