โรงแรม รีเจนท์ ลอด์จ (Regent Lodge) ลำปาง



Regent Lodge Lampang  เป็นที่พักที่ตั้งอยู่ในทำเลใจกลางเมืองลำปาง อยู่ห่างจากสนามบินลำปางเพียงเล็กน้อย โดยใช้เวลาในการเดินทางเพียง 5 นาทีเท่านั้น และอยู่ห่างจากสถานีขนส่งในเมืองลำปางมายังที่พักเพียง 10 นาทีค่ะ จึงเป็นที่พักอีกแห่งที่ให้ความสะดวกในการเดินทางเป็นอย่างดี ส่วนการเดินทางมายังที่พัก ให้ใช้ถนนพหลโยธิน ตรงไปบริเวณการประปาลำปาง และให้สังเกตทางด้านซ้ายมือ จะเห็นว่าโรงแรมรีเจ้นท์ลอด์จ อยู่ทางด้านซ้ายมือ ใกล้กับค่ายสุรศักดิ์มนตรีนั่นเอง




ส่วนเราเดินทางมาจากเชียงใหม่ กว่าจะมาถึงลำปางก็พลบค่ำพอดี เพราะมัวแต่ลัดเลาะแวะเที่ยวมาตลอดทางค่ะ อิอิ แม้จะมืดค่ำการหาที่พักก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็น เพราะขับรถมาก็เห็นป้ายโรงแรมเด่นชัดในระยะไกลแล้วค่ะ ที่นี่มีที่จอดรถสะดวกสบาย มีพนักงานรักษาความปลอดภัยดูแลให้อีกด้วย ส่วนราคาห้องพักที่นี่ ราคาเพียงหลักร้อยเท่านั้นนะเออ แถมมีอาหารเช้าให้อีกด้วยน๊าา คุ้มค่าคุ้มราคา  กับช่วงเวลาแห่งการพักแรม กับการนอนหลับพักผ่อนและเดินทางกลับกรุงเทพฯ ต่อในวันพรุ่งนี้ค่ะ




ลักษณะห้องพักภายในห้องเป็นแบบไทยๆ ค่ะ เข้ากับบรรยากาศและเสน่ห์ของเมืองเก่าอย่างจังหวัดลำปางเป็นอย่างดี พื้นที่ใช้สอยกว้างขวางดี มีเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เน้นไม้เป็นหลักค่ะ ตู้เย็น โทรทัศน์ กระติกน้ำร้อน ไดร์เป่าผม ฯลฯ  เราชอบประตูห้องน้ำมากเลย เป็นวัสดุทำจากไม้เช่นกันค่ะ สวยเก๋คลาสสิคมาก เราใช้เวลาที่นี่ไม่มากนัก กว่าเราจะทำการเช็คอินก็เกือบ 2 ทุ่มแระ เหนื่อยจากการเดินทางมาทั้งวัน หมดแรงที่จะเก็บภาพและบรรยากาศค่ะ ฮ่าๆ ตอนเช้าตื่นมาก็รีบอาบน้ำหิ้วกระเป๋าลงมาทำการเช็คเอ้าท์เลย พอทานข้าวเช้าเสร็จ ก็พร้อมล้อหมุนออกเดินทางต่อเลย แฮ่ๆ




ที่นี่ถือว่าเป็นโรงแรมดีทีเดียว แม้จะเป็นที่พักระดับ 3 ดาวก็ตาม แต่การบริการและห้องพักสะอาด มีการบริการรักษาความปลอดภัย และมีที่จอดรถสะดวกสบาย กับราคาที่ย่อมเยาค่ะ เราแวะมาใช้บริการที่นี่ไม่ผิดหวังค่ะ แค่ลำพังในการเดินทางที่สะดวกแล้ว ยังมีอาหารเช้าแบบเรียบง่าย ทั้งข้าวต้ม ขนมปัง สลัดผัก รสชาติใช้ได้ค่ะ นอกจากนั้นทางรีสอร์ทยังบริการในเรื่องการท่องเที่ยวภายในจังหวัดลำปาง และ พื้นที่ทางภาคเหนือด้วยนะคะ สามารถศึกษาได้จากโบชัวร์บริเวณล๊อบบี้เลยค่ะ สำหรับรีวิวนี้ ... มาไวเคลมไว!! ไปล่ะนะ ฟิ้วววว



ไปชมมาแล้ว!! ต้นโพธิ์สีชมพู อำเภอสอยดาว จันทบุรี



ต้นโพธิ์สีชมพู อยู่ในสำนักสงฆ์วัดใหม่คลองปี ตำบลทรายขาว อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี  เมื่อได้ขับรถเข้ามาบริเวณวัด ก็จะพบต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ 2 คนโอบ อายุประมาณ 20 ปี ซึ่งบริเวณใต้ต้นโพธิ์ขนาดใหญ่นี้ มีต้นโพธิ์อีกต้น ที่มีขนาดความสูงประมาณ 160 เซนติเมตร ขึ้นอยู่เคียงข้างต้นโพธิ์ขนาดใหญ่นี้ โดยต้นโพธิ์นี้มีใบสีชมพูทั้งต้น มีความสมบูรณ์ สวยงามแปลกตาจากต้นโพธิ์ทั่วไป ที่มีใบเป็นสีเขียว ซึ่งต้นโพธิ์นี้จะมีสีชมพูตลอดทั้งปี เมื่อใบแก่จะเปลี่ยนสีเป็นสีขาว เมื่อร่วงหล่นไป แต่ก็มีใบอ่อนสีชมพูแตกยอดขึ้นมาใหม่ ซึ่งต้นโพธิ์นี้ทางวัดและชาวบ้านได้ร่วมมือกันกั้นรั้วรอบขอบชิด เพื่อล้อมต้นโพธิ์เอาไว้ ป้องกันไม่ให้ประชาชนเข้าไปเด็ดใบโพธิ์สีชมพูได้ เพื่ออนุรักษ์ความมหัศจรรย์ทางธรรมชาตินี้ ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ชมกันต่อไปค่ะ



First Raft & Resort ทองผาภูมิ กาญจนบุรี



เมื่อพูดถึง "กาญจนบุรี" หลายคนคงจะคิดถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย และธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ นักท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติมักจะเดินทางมาสัมผัสกับบรรยากาศที่นี่ และชอบใจกับน้ำตกและป่าเขาลำเนาไพรที่เขียวขจี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการเดินทางมาท่องเที่ยว ที่พักก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญนะคะ วันนี้เรามีที่พักริมน้ำมาแนะนำด้วยค่ะ ที่นี่มีความเป็นส่วนตัว และมีบรรยากาศที่เงียบสงบ ท่ามกลางธรรมชาติที่งดงาม เหมาะสำหรับการพักผ่อนอย่างแท้จริงค่ะ




First Raft Resort  เป็นที่พักบริเวณริมแม่น้ำแควน้อย ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ที่เปิดให้บริการทั้งที่พักและร้านอาหารริมน้ำค่ะ ที่สามารถสัมผัสกับสายน้ำที่ใสสะอาด จากต้นน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ ที่อยู่ห่างไปเพียงไม่กี่กิโลเมตรเท่านั้น และที่นี่ยังแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม มีวิวทิวทัศน์จากทิวเขาที่ทอดตัวยาวอยู่เบื้องหน้า สามารถชมพระอาทิตย์ตกในยามเย็นได้จากที่นี่เลยค่ะ




ลักษณะรีสอร์ทเป็นอาคารสร้างจากไม้สักทองทั้งหลัง ภายในห้องพักทุกห้อง สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำได้ตลอดเวลา ด้วยรีสอร์ทอยู่ริมแม่น้ำแควน้อยนี่เอง ที่ทำให้ยามเช้าสามารถตื่นขึ้นมารับความสดชื่นจากหน้าห้องได้ทันที แต่ช่วงเช้าจะเป็นเวลาน้ำลด สายน้ำอาจจะสวยสู้ช่วงเย็นไม่ได้ แต่ในเรื่องของความเป็นส่วนตัวมีให้แน่นอนค่ะ รีสอร์ทที่นี่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพักผ่อนแบบเงียบๆ เน้นความสบายใจ ปล่อยอารมณ์ไปท่ามกลางสายน้ำ และขุนเขาในฉบับที่ลืมเมืองกรุงไปเลยค่าา 




ด้วยทางรีสอร์ทมีทั้งที่พักและร้านอาหารในตัว ทำให้การพักผ่อนนั้นคุ่มค่าในจุดเดียว แบบว่าเช็คอินแล้วไม่ต้องออกไปไหน พักผ่อนชาร์ตแบตให้เต็มที่กันไปเลย ด้วยการสัมผัสกับธรรมชาติทั้งสายน้ำ ขุนเขา และชมพระอาทิตย์ ไปพร้อมๆ กับการทานข้าวที่รสชาติดี บรรยากาศเยี่ยม โดยร้านอาหารบนแพสามารถรองรับลูกค้าได้เยอะทีเดียวค่ะ เราใช้บริการร้านอาหารที่นี่ทั้งสองมื้อ แต่ถ่ายรูปได้เพียง 2 รูปเท่านั้น ไม่ทันจริงๆ ฮ่าๆ เมนูผักกูดที่นี่อร่อยมาก หลนก็อร่อยค่ะ เราสั่งมาทั้งสองมื้อเช่นกัน ส่วนเมนูปลา ... บอกเลยว่าสดจริงๆ เพราะเป็นปลาจากเขื่อนวชิราลงกรณนี่เองค่ะ ไว้มาสัมผัสและลิ้มลองด้วยตนเองนะคะ ไม่มาพักก็แวะมาทานข้าวก็ได้ค่ะ


กู่ประภาชัย หรือ กู่บ้านนาคำน้อย ขอนแก่น



กู่ประภาชัย หรือที่ใครหลายๆ คน นิยมเรียกกันว่า กู่บ้านนาคำน้อย ซึ่งตั้งอยู่บริเวณบ้านนาคำน้อย ตำบลบัวใหญ่ อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น อยู่ห่างจากตัวเมืองขอนแก่นประมาณ 57 กิโลเมตร การเดินทางใช้เส้นทางเดียวกันกับพระธาตุขามแก่นเลยค่ะ โดยกู่ประภาชัยเป็นโบราณสถานที่มีลักษณะแผนผังเป็นอโรคยาศาล ได้ตั้งอยู่ภายในวัดบ้านนาคำน้อย เป็นสถาปัตยกรรมของขอม ก่อสร้างด้วยศิลาแลงและหินทราย สันนิฐานว่าถูกสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรเขมรโบราณ ซึ่งคำว่า "กู่" ในภาษาอีสานนั้น หมายความว่า "ปราสาท" และทางกรมศิลปากรและกระทรวงวัฒนธรรมได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อปี พ.ศ.2478




กู่ประภาชัย  ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ หากมีโอกาสได้เดินทางมาจังหวัดขอนแก่น ไม่ควรพลาดมาชมความงดงามของโบราณสถานที่สำคัญของประเทศชาติอีกแห่งหนึ่งนะคะ ซึ่งสภาพปัจจุบันอาจจะปลักหักพังไปมาก แต่ก็ได้รับการดูแลจากวัดและชุมชนเป็นอย่างดี ถือว่าเป็นโบราณสถานที่น่าศึกษา และสักการะบูชาเป็นอย่างยิ่ง โดยมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ด้านใน มีหินก้อนใหญ่ที่ถือว่าเป็นหินศักดิ์สิทธิ์วางไว้บนแท่น ที่ทำขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ชาวบ้านและประชาชนทั่วไปได้มาสักการะบูชากันค่ะ




ภายในบริเวณประกอบไปด้วย ปรางค์ประธานรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีมุขยื่นมาทางด้านหน้า เป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมที่เรียกว่า "บรรณาลัย" ล้อมรอบไปด้วยกำแพงแก้ว โดยมีซุ้มประตูทางเข้าออกด้านหน้าทางด้านทิศตะวันออกเพียงด้านเดียวเท่านั้น ส่วนด้านนอกกำแพงมีสระน้ำ เชื่อกันว่าน้ำในสระเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ค่ะ โดยหลวงพ่อกู่นี้ ชาวบ้านในพื้นที่ให้ความเคารพเลื่อมใสและศรัทธามาเนิ่นนาน ซึ่งปัจจุบันชาวบ้านได้อัญเชิญหลวงพ่อกู่ ไปประดิษฐานในศาลาพิพิธภัณฑ์แล้ว เพื่อให้ชาวบ้านและประชาชนได้มากราบไหว้สะดวกยิ่งขึ้น 




ศาลาพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นนี้ เป็นแหล่งเรียนรู้กู่ประภาชัยค่ะ เป็นอาคารจัดแสดงอยู่ใกล้ๆ กับโบราณสถาน โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ผู้นำชุมชนและชาวบ้านได้ช่วยกันสร้างขึ้นมา เพื่อต้องการเก็บรักษาวัตถุโบราณคู่บ้านคู่เมือง ให้อยู่ในสถานที่เดิม และชาวบ้านจะมีความผูกพันกับกู่ประภาชัยแห่งนี้เป็นอย่างมากด้วยค่ะ




ภายในพิพิธภัณฑ์มีห้องจัดแสดงทั้งหมด 3 ห้องด้วยกัน ห้องแรกจะอยู่ด้านหน้าเลยค่ะ จะเป็นนิทรรศการเล่าเรื่องราวการก่อตั้งบ้านนาคำน้อย โดยมีรูปปั้นของพ่อใหญ่ทั้ง 5 ท่าน คือ พ่อใหญ่หลวงผาสารท (ต้นสกุลตรีศาสตร์) พ่อใหญ่พรมภักดี พ่อใหญ่จันทะเนตร พ่อใหญ่พระไกร และพ่อใหญ่ม่อง ส่วนบอร์ดที่ติดกับผนัง ได้กล่าวถึงบุคคลสำคัญที่ได้ทำคุณงามความดีและคุณประโยชน์ให้กับชุมชน ส่วนอีกบอร์ดหนึ่งจะบอกถึงสภาพภูมิประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์ในการทำเกษตร ซึ่งปัจจุบันชาวบ้านที่นี่ก็ยังคงทำนาเหมือนเช่นในอดีตค่ะ 




ห้องถัดมาจะเป็นห้องจัดแสดงที่ใหญ่ที่สุด คือ ห้องโบราณวัตถุ ที่ได้มาจากการขุดแต่งบูรณะโบราณสถาน การค้นพบโบราณวัตถุเหล่านี้ ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจ และไม่คาดคิดว่าจะพบเจอของล้ำค่าหลายชิ้น ซึ่งโบราณวัตถุที่พบมีอยู่ด้วยกัน 2 ยุคสมัยด้วยกัน คือ สมัยเขมรโบราณและสมัยล้านช้างค่ะ และโบราณวัตถุที่มีความโดดเด่น คือ เศียรรูปพระโพธิสัตว์สมัยลพบุรี อายุประมาณ 800 ปี แก้วยอดฉัตรที่ทำด้วยอัญมณีก้อนกลม ห่อหุ้มด้วยเส้นโลหะทั้ง 4 ด้าน ชาวบ้านเรียกกันว่า แก้วสารพัดนึก แท่นหินวางศิลาฤกษ์ แผ่นทองคำสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีลวดลาย หินควอตซ์ซึ่งเป็นหินที่มีค่าอีกจำนวนหนึ่ง ฯลฯ  ซึ่งสมบัติล้ำค่าเหล่านี้ ได้ปรากฏขึ้นในช่วงการบูรณะโบราณสถานในช่วงปี พ.ศ.2541 - 2543




ส่วนอีกด้านขวามือ ได้จัดแสดงเกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวบ้าน จะแสดงเครื่องใช้พื้นบ้านในการทำนา เช่น แอก คันไถ ไม้ตีข้าว ฯลฯ  อุปกรณ์หาปลา เช่น ไซ ข้อง ฯลฯ อุปกรณ์ทอผ้า อัก ฟัม เหล่น อิ้ว ไม้เก็บขิด ฯลฯ  เครื่องครัวสมัยก่อน กระต่ายขูดมะพร้าว โบม ครุ ฯลฯ อาวุธสำหรับการล่าสัตว์ เบ็ด มีดปลายแหลม ดาบ ตะเกียงแก๊ส หน้าไม้ ฯลฯ และเครื่องใช้อื่นๆ เช่น เตารีดโบราณ ตาชั่ง เชี่ยนหมาก ตะเกียงเจ้าพายุ ฯลฯ




ซึ่งในทุกๆ ปี วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 จะเป็นงานประเพณีสรงกู่ เป็นพิธีกรรมมีการผสมผสานความเชื่อและความศรัทธาในพระพุทธศาสนา ที่ได้ถือปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายายค่ะ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความรักและความเข้มแข็งของชุมชนด้วยค่ะ ปัจจุบันกู่ประภาชัย คือ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และทางวัฒนธรรม ของอำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น ที่มีปรางค์กู่ที่งดงาม และได้มาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเป็นสิริมงคลต่อตนเองและครอบครัว เมื่อได้มาชมปราสาทหินแล้ว อย่าลืมเข้าชมภายในพิพิธภัณฑ์แหล่งเรียนรู้กู่ประภาชัยกันด้วยนะคะ ถึงจะถือว่าได้มาที่นี่ครบถ้วนสมบูรณ์ค่ะ