สำหรับทริปนี้ของเราผ่านมาเนิ่นนานมากแล้ว จะบอกว่าหลายปีมาแล้วก็ว่าได้ เนื่องจากเราเขียนบล็อกไว้อีกที่หนึ่ง แต่ด้วยข้อจำกัดอะไรหลายอย่างที่ไม่สามารถตอบโจทย์เราเท่าที่ควร เราเลยต้องมาหาบ้านเขียนใหม่ก็คือที่นี่ คิดว่าน่าจะโอเคแล้วล่ะ เราได้ห่างหายจากการเขียนบล็อกนานเป็นปีเห็นจะได้ และจะมาเริ่มต้นเขียนใหม่อีกครั้ง คงจะพยายามหาเวลาทยอยเขียนอย่างสม่ำเสมอ ... เท่าที่จะทำได้ เพราะนับวันการเดินทางสำหรับเราเกิดขึ้นบ่อยมาก และรูปภาพก็มากขึ้นทุกวัน อยากจะเก็บเรื่องราวในการเดินทางทั้งหมด ไว้เป็นเรื่องราวและความทรงจำ เพื่อเก็บไว้นั่งอ่านในยามที่เราแก่เฒ่า ฮ่าๆ
บล็อกแรกสำหรับบ้านหลังใหม่ คงจะเขียนไม่มากไม่มายเนอะ กลัวจะขี้เกียจอ่านกัน รวมถึงเราเองก็ขี้เกียจเขียนด้วยหรือป่าว อิอิ ช่วงนี้เราเองก็ว่างพอที่จะมีเวลามานั่งขีดเขียน นำรูปภาพต่างๆ ที่เราได้ถ่ายเก็บไว้ระหว่างการเดินทาง มาเรียงร้อยเป็นตัวอักษร บอกเล่าเรื่องราวเล่าสู่กันฟัง เพื่อแบ่งปันข้อมูลต่างๆ ที่พอจะเป็นประโยชน์ให้แก่เพื่อนๆ หรือผู้ที่สนใจจะเดินทางท่องเที่ยว และอีกมุมหนึ่งก็จะกลายเป็นไดอารี่เล็กๆ สำหรับตัวเองด้วย
เกริ่นมาก็เยอะแระ ขอเข้าเรื่องเลยนะคะ ก่อนที่จะยืดยาวไปมากกว่านี้ สำหรับทริปนี้เราเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว โดยใช้เส้นทางถนนพหลโยธินผ่านรังสิตและผ่านสระบุรี เลี้ยวขวาเข้าถนนมิตรภาพผ่านมวกเหล็ก และเลี้ยวขวาอีกครั้ง ก่อนทางแยกถึงอำเภอปากช่อง กม.58 เข้าถนนทางหลวงหมายเลข 2090 หรือที่รู้จักกันในชื่อถนนธนะรัชต์ ขับไปอีกประมาณ 20 กม. จะถึงปากทางเข้าอุทยานเขาใหญ่ ขับต่อไปเรื่อยๆ ก็จะพบจุดหมายของเราค่าา ปาลิโอ เขาใหญ่ อยู่ทางด้านซ้ายมือติดกับจุลดิศเขาใหญ่นั่นเอง
สถานที่ท่องเที่ยวไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก ที่สามารถเดินทางไปเข้าเย็นกลับนั้น ก็มีอยู่หลายแห่งหลายจังหวัด และเขาใหญ่ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ชอบธรรมชาติ ขุนเขา และความคลาสสิค วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับปาลิโอกันหน่อยเนอะ ที่มีเอกลักษณ์และกลิ่นอายของสถาปัตยกรรม เสมือนว่าได้ไปเยือนยุโรป ปาลิโอได้ถูกสร้าง และออกแบบมาในสไตล์อิตาลีค่ะ
ตอนนั้นที่เราเดินทางไปปาลิโอมีค่าผ่านประตูคนละ 20 บาทด้วยนะคะ แต่อย่างที่เราบอกไว้ตั้งแต่ตอนต้น ว่าทริปนี้ของเราผ่านมาหลายปีมาก ดังนั้น ข้อมูลอาจจะไม่อัพเดตเท่าที่ควรนะเออ ซึ่งปัจจุบันเราเองก็ไม่แน่ใจว่ามีการยกเลิกค่าผ่านประตูไปแล้วหรือยัง ปาลิโอเปิดให้บริการในทุกๆ วัน สำหรับวันอาทิตย์็ - วันพฤหัสบดี เปิดให้บริการเวลา 08.30 - 21.00 น. ส่วนวันศุกร์ - วันเสาร์ และวันนักขัตฤกษ์ เปิดให้บริการเวลา 08.30 - 22.00 น.
ภายในปาลิโอมีสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และมุมนั่งเล่นแบบเย็นกายสบายใจ และที่ขาดไม่ได้น่าจะเป็นมุมถ่ายภาพเก๋ๆ สุดชิค ที่หลายๆ คนมาถึงที่นี่กันแล้ว จะต้องเก็บภาพและความสวยงาม ของสถาปัตยกรรมสไตล์อิตาลี ที่ได้ถูกออกแบบให้มีเอกลักษณ์ และบรรยากาศผสมผสานเข้ากันได้อย่างลงตัว ท่ามกลางเขาใหญ่แห่งนีั
และนอกจากนั้น ภายในปาลิโอยังมีร้านค้าน้อยใหญ่เรียงราย ไว้รองรับสำหรับนักท่องเที่ยวมากมาย ได้อย่างถึงใจถึงอารมณ์กันเลย เช่น เสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องประดับ ของตกแต่งบ้าน ของที่ระลึก ผักปลอดสารพิษ ร้านไวน์ ร้านอาหาร ฯลฯ และความสวยงามของที่นี่ ยังสามารถการันตีได้อย่างไม่ยากค่ะ เพราะเราสังเกตได้จากมีคู่บ่าวสาวหลายคู่เลยทีเดียว ที่เลือกปาลิโอแห่งนี้ เป็นสถานที่สำหรับถ่ายภาพเวดดิ้งค่ะ
ร้านค้าภายในปาลิโอสวยงาม น่ารัก และน่าเดินชม จับจ่ายใช้สอย เพลินตาเพลินใจดีค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าสีสันสดใส ที่ตอบโจทย์วัยรุ่น เครื่องประดับแนวกุ๊กกิ๊กน่ารักๆ เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย และยังมีร้านขายของฝากของที่ระลึก สำหรับการจับจ่ายไปฝากให้กับคนทางบ้าน คนในครอบครัว เพื่อนๆ ที่ทำงาน และสิ่งที่เราชอบมากที่สุด ต้องยกให้กับของตกแต่งบ้านค่ะ เพราะของส่วนใหญ่จะออกแนวโบราณ หรือของเก่าที่หายากแล้ว แต่ราคาคงจะแพงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน แห่ะๆ
ปาลิโอ เขาใหญ่ เหมาะสมอย่างยิ่ง สำหรับการมาเยือนในช่วงอากาศเย็นๆ มีลมหนาวหน่อยๆ เรียกได้ว่าบรรยากาศกำลังฟินเลยค่ะ หากมาในช่วงหน้าร้อน เห็นทีได้เดินท่ามกลางแสงแดดอันอบอ้าว คงจะไม่สนุกนัก โดยภาพรวมแล้ว ปาลิโอ เป็นสถานที่หนึ่งที่ออกแบบสิ่งก่อสร้างขึ้นมา เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเดินเล่น ถ่ายรูป เป็นสถานที่พักผ่อนในวันหยุดเป็นอย่างดี เสมือนได้ใช้ชีวิตในต่างประเทศประมาณนั้น ก็สามารถอยู่ท่ามกลางสถาปัตยกรรมที่สวยงามในสไตล์อิตาลีได้อย่างไม่อยากเย็นค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น