วิหารแก้ว 100 เมตร วัดท่าซุง (วัดจันทาราม) อุทัยธานี



เดินทางมาถึงจังหวัดอุทัยธานี ต้องแวะมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดท่าซุงเป็นจุดแรกเลยค่ะ ซึ่งหลายคนคงจะรู้จักวัดนี้เป็นอย่างดีแล้ว เพราะวัดท่าซุงถือว่าเป็นวัดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งหนึ่งของจังหวัดอุทัยธานี และชื่อวัดที่ถูกต้องอย่างเป็นทางการ ก็คือ “วัดจันทาราม”  แต่ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่าวัดท่าซุงกันจนติดปาก เนื่องจากในอดีตบริเวณนี้เป็นเส้นทางการสัญจรทางน้ำที่สำคัญ และมีการล่องซุงกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งแพซุงมักจะแวะมาหยุดพักกันที่หน้าวัดแห่งนี้ค่ะ




ครั้งแรกกับการเดินทางมาที่นี่ และวัดท่าซุงค่อนข้างจะมีบริเวณที่กว้างขวางมาก เราเลี้ยวรถสะเปะสะปะเข้ามาพบกับพระอุโบสถ ณ วัดท่าซุงค่ะ เลยถือโอกาสลงจากรถมาชมและกราบไหว้เสียเลย เพียงเดินเข้าไปยังบริเวณพระอุโบสถต้องถอดรองเท้าด้วยนะคะ ส่วนด้านในอุโบสถปิดแล้วค่ะ แห่ะๆ น่าจะเปิดปิดเป็นเวลาเช่นกัน  บริเวณด้านข้างพระอุโบสถซึ่งอยู่ทางด้านขวาและทางด้านซ้ายมือ เป็นศาลาโปร่งปูด้วยพื้นหินอ่อนหลังคาทรงไทยมีองค์หลวงพ่อปานและหลวงพ่อพระพรหมยาน ได้สร้างไว้ให้สักการะบูชา และด้านหน้าพระอุโบสถยังมีพระพรหมและพระแม่ธรณีให้พสกนิกรได้กราบไหว้ด้วยนะคะ




วัดท่าซุง จากที่เราได้อ่านรีวิวจากที่ต่างๆ บนอินเตอร์เน็ต สิ่งที่เห็นพ้องต้องกัน ในเรื่องสิ่งที่น่าสนใจของวัดท่าซุงต้องยกให้กับ 2 สถานที่ คือ วิหารแก้ว 100 เมตร และปราสาททองคำ ส่วนเป้าหมายแรกของเราในเวลานี้ คือ วิหารแก้ว แต่ในขณะนี้เรามีเวลาจำกัดเหลือเกิน เพราะกว่าที่เราจะเดินทางมาถึงวัดท่าซุงก็บ่าย 3 โมงแระ ดังนั้น วันนี้เรามีเวลาเหลือเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น ที่เราจะได้เข้าไปชมวิหารแก้ว เนื่องจากวิหารแก้วจะเปิดให้ชมตั้งแต่เวลา 09.00 – 11.45 น. และ 14.00 – 16.00 น. ของทุกวัน หากใครจะเดินทางไปวัดท่าซุงต้องวางแผนการเดินทางให้ดีนะคะ ไม่เช่นนั้นจะเป็นเช่นเรานะเออ อิอิ  เวลานั้นเราไปจังหวะดีเลยค่ะ มีพระภิกษุสงฆ์กำลังกราบพระอุโบสถอยู่ด้านนอกพอดี ซึ่งเป็นภาพที่งดงามยิ่ง เราจึงแอบเก็บภาพมาเงียบๆ และขออนุญาตในใจเบาๆ ในเชิงขออนุญาตก่อนทำการบันทึกภาพให้เงียบที่สุด เพื่อไม่เป็นการรบกวนสมาธิท่านจนเกินไป ฟังแล้วเหมือนจะดูดีเนอะ หุหุ




หลังจากที่เรากราบไหว้องค์หลวงพ่อปานและองค์หลวงพ่อพระราชพรหมยานแล้ว เรารีบออกจากพระอุโบสถทันที ก่อนที่จะออกรถไปเราทำการสอบถามเด็กๆ ละแวกนั้นว่าวิหารแก้วอยู่ตรงไหน ตอนที่น้องๆ บอกกับเราก็เหมือนจะหาไม่ยากนะคะ แต่ทำไมเราถึงได้เลี้ยวเข้าออกเป็นว่าเล่นตั้งหลายรอบกว่าจะหาเจอ อิอิ ใครจะไปคิดว่าวัดท่าซุงจะมีพื้นที่กว้างใหญ่ขนาดนี้ และไม่มีข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตบอกเราเลยว่า วัดท่าซุงมีพื้นที่หลายร้อยไร่ แต่ที่แน่ๆ เวลา 1 ชั่วโมงที่เราเหลืออยู่ก่อนที่วิหารแก้วจะปิด ทำเอาเราหัวฟูได้นะเออ สุดท้ายเราก็มายืนตรงนี้ค่ะ ลานจอดรถอยู่บริเวณด้านหน้าวิหาร และก่อนที่เราจะเดินเข้าประตูวิหารแก้ว 100 เมตร จะมีรูปปั้นของพระราชานุสาวรีย์พระมหากษัตริย์ไทยลักษณะประทับนั่งบัลลังก์ปิดทองคำเปลวสีทองทั้งองค์ อยู่บริเวณด้านหน้าทางเข้า เช่น พระบรมรูปรัชกาลที่ 1  รัชกาลที่ 5  รัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่ 7




เดินเข้ามาด้านในทางขวามือจะเป็นมณฑปของหลวงปู่ปานค่ะ ซึ่งหลวงปู่ปาน ก็คือ พระอาจารย์ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำผู้ที่สร้างวิหารแก้ว ซึ่งเป็นวิหารสำคัญของวัดท่าซุง ที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำได้สร้างไว้ก่อนที่จะมรณภาพ โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำมีชื่อเสียงด้านการบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐานจนได้วิชามโนยิทธิ ภายหลังจากที่ท่านได้มรณภาพไปแล้วนั้น สังขารร่างกายของท่านก็มิได้เน่าเปื่อยเช่นศพของคนทั่วไป และได้มีการเก็บรักษาไว้ที่วัดท่าซุงจนถึงปัจจุบันนี้ ถ้าเอ่ยนามถึงหลวงพ่อพระราชพรหมยาน หรือ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าซุงจังหวัดอุทัยธานี ย่อมเป็นที่รู้จักชื่อเสียงของท่านเป็นอย่างดี เพราะท่านมีลูกศิษย์มากมายทั่วประเทศ และบุญบารมีของท่านก็เป็นที่ประจักษ์แก่ศิษยานุศิษย์ จนบางคนบอกว่าท่านมีญาณหยั่งรู้เรื่องจิต และท่านเทศน์เก่งเป็นที่จับใจผู้ฟังอีกด้วย เมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่จะมีญาติโยมผู้ศรัทธามาทำบุญปฏิบัติธรรมที่วัดท่าซุงนับหมื่นคน วิชาที่ท่านพร่ำสอนให้ศิษย์ คือ วิชามโนมยิทธิ เป็นการฝึกฤทธิ์ทางใจ และวิชาเป่ายันต์เกราะเพชรที่ท่านได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อปาน ณ วัดบางนมโค




เมื่อครั้งท่านได้ละสังขารก็เกิดสิ่งมหัศจรรย์ คือ ร่างกายท่านไม่เน่าเปื่อย ผิวพรรณของท่านเป็นสีดำคล้ำ และร่างกายของท่านก็ได้ตั้งอยู่ในประสาทอันมีโลงแก้วปิดทับเอาไว้ ตั้งอยู่ในวิหารแก้วแห่งนี้ เพื่อให้ประชาชนที่เคารพศรัทธาได้มีโอกาสเดินทางมากราบไหว้บูชาเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตค่ะ เราเดินเข้ามาด้านในพระวิหารด้านซ้ายมือจะเป็นสถานที่บรรจุสรีระสังขารที่ไม่เน่าเปื่อยของหลวงพ่อฤาษีลิงดำค่ะ โดยบรรจุอยู่ในโลงแก้วให้ศิษยานุศิษย์ได้เข้ามานมัสการกัน  แม้ใกล้ถึงเวลาปิดวิหารแก้วแล้วก็ตาม แต่ภายในวิหารก็ยังมีผู้คนจำนวนมากเข้ามากราบไหว้หลวงพ่อฤาษีลิงดำไม่ขาดสาย คงจะเป็นสิ่งยืนยันได้ว่า ที่นี่เป็นสถานที่สำคัญที่เดินทางมาถึงจังหวัดอุทัยธานีแล้ว ไม่ควรพลาดที่จะแวะมากราบไหว้กันนะคะ




วัดท่าซุงเป็นวัดที่มีความสวยงามเป็นอย่างมาก ด้วยเอกลักษณ์ของวิหารแก้วที่มีความยาวถึง 100 เมตร และได้ตกแต่งประดับประดาไปด้วยโมเสกสีขาวและกระจกเงาวิบวับไปทั้งหลัง ส่วนด้านบนเพดานของวิหารจะประดับด้วยช่อไฟระย้าทั้งช่อเล็กและช่อใหญ่ระยิบระยับเป็นจำนวนมาก และด้วยลักษณะของโมเสกสีขาวและกระจกที่ใช้ประดับประดาทั่วทั้งวิหาร ทำให้ภาพที่เห็นเป็นภาพสะท้อนทำให้วิหารแห่งนี้งดงามอลังการและแปลกตามากๆ ค่ะ ส่วนอีกด้านหนึ่งทางขวามือของวิหารแก้ว จะเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธชินราชจำลอง ซึ่งเป็นพระประทานภายในวิหารแห่งนี้ เพื่อให้ญาติโยมทั้งหลายที่ได้เดินทางมาที่นี่ได้กราบไหว้สักการะ หลังจากที่เราได้กราบไหว้สังขารหลวงพ่อฤาษีลิงดำ และพระพุทธชินราชแล้ว ก่อนจะเดินทางกลับแม่ชีได้บอกแก่เราว่า ช่วงเช้าภายในวิหารมีการถวายสังฆทานพระประจำวันเกิดด้วย ดังนั้น พรุ่งนี้เช้าก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ เราจะมาแวะที่นี่กันอีกครั้ง เพื่อถวายสังฆทานพระประจำวันเกิดให้เป็นสิริมงคลแก่ตนเองค่ะ




และในช่วงเช้าของวันรุ่งขึ้น เราก็เดินทางกลับมาที่วัดท่าซุงอีกครั้ง เพื่อมาถวายสังฆทานพระประจำวันเกิดอย่างที่ตั้งใจไว้ ก่อนที่เราจะถวายสังฆทาน เราทำบุญและนำเครื่องบูชาที่ทางวัดได้ตระเตรียมไว้ให้แก่ญาติโยมได้ยกประเคนแด่หลวงพ่อฤาษีลิงดำก่อน เนื่องจากเมื่อวานเวลามีน้อยจึงทำไม่ทันค่ะ หลังจากเสร็จสิ้นแล้ว เราจึงเดินมาแจ้งวันเกิดแก่ทางวัดว่าเราเกิดวันอะไร ทางวัดก็จะยกชุดพานถวายสังฆทาน และพระประจำวันเกิดที่ทางวัดได้จัดเตรียมชุดถวายสำหรับประชาชนไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยกมาให้แก่เรา จากนั้นก็นำมาอธิษฐานและยกไปถวายแก่พระภิกษุสงฆ์ก็ถือว่าเสร็จเรียบร้อย  เราเพิ่งเดินทางมาที่นี่เป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้ไม่ทราบเลยจริงๆ ว่าวัดท่าซุงจะมีพื้นที่มหาศาลขนาดนี้ ทำให้เราคิดไปเอง ว่าพื้นที่ของวัดท่าซุงคงจะเหมือนเช่นวัดอื่นทั่วๆ ไป แต่เราขาดข้อมูลสำคัญทำให้เราพลาดสิ่งสำคัญหลายอย่างไปเช่นกัน หากผู้ที่สนใจจะไปเยี่ยมเยียนวัดท่าซุงควรหาข้อมูลและวางแผนให้ดีนะคะ จะได้มาสัมผัสวัดท่าซุงได้อย่างละเอียดและไม่เสียเที่ยวอย่างเรา แต่เราก็ตั้งใจไว้แล้ว เราจะหาเวลาเพื่อเดินทางกลับไปเยือนและเก็บข้อมูลวัดท่าซุงอีกครั้งให้จงได้ เพราะปราสาททองคำเรายังไปไม่ถึงเลย เง้ออ  ด้วยพื้นที่วัดท่าซุงที่มีมากกว่า 500 ไร่ ทำให้การเดินทางมาเยือนวัดท่าซุงในครั้งนี้ของเรา ทำได้เพียงพามาชมวิหารแก้วก่อนนะคะ ในส่วนอื่นๆ เราจะรีวิวสิ่งก่อสร้างที่สำคัญและสิ่งที่น่าสนใจของวัดนี้ให้ทั่วถึงในโอกาสต่อไปค่ะ เนื่องด้วยบริเวณที่กว้างขวางเกินความคาดหมาย บวกกับเวลาที่จำกัดของเราแล้ว ไม่เอื้ออำนวยด้วยประการทั้งปวง ขออนุญาตแปะโป้งไว้ก่อนน๊า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น