เดินทางมาถึงจังหวัดอุทัยธานี ต้องแวะมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดท่าซุงเป็นจุดแรกเลยค่ะ
ซึ่งหลายคนคงจะรู้จักวัดนี้เป็นอย่างดีแล้ว
เพราะวัดท่าซุงถือว่าเป็นวัดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งหนึ่งของจังหวัดอุทัยธานี
และชื่อวัดที่ถูกต้องอย่างเป็นทางการ ก็คือ “วัดจันทาราม” แต่ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่าวัดท่าซุงกันจนติดปาก
เนื่องจากในอดีตบริเวณนี้เป็นเส้นทางการสัญจรทางน้ำที่สำคัญ และมีการล่องซุงกันเป็นจำนวนมาก
ซึ่งแพซุงมักจะแวะมาหยุดพักกันที่หน้าวัดแห่งนี้ค่ะ
ครั้งแรกกับการเดินทางมาที่นี่
และวัดท่าซุงค่อนข้างจะมีบริเวณที่กว้างขวางมาก เราเลี้ยวรถสะเปะสะปะเข้ามาพบกับพระอุโบสถ
ณ วัดท่าซุงค่ะ เลยถือโอกาสลงจากรถมาชมและกราบไหว้เสียเลย เพียงเดินเข้าไปยังบริเวณพระอุโบสถต้องถอดรองเท้าด้วยนะคะ
ส่วนด้านในอุโบสถปิดแล้วค่ะ แห่ะๆ น่าจะเปิดปิดเป็นเวลาเช่นกัน บริเวณด้านข้างพระอุโบสถซึ่งอยู่ทางด้านขวาและทางด้านซ้ายมือ
เป็นศาลาโปร่งปูด้วยพื้นหินอ่อนหลังคาทรงไทยมีองค์หลวงพ่อปานและหลวงพ่อพระพรหมยาน
ได้สร้างไว้ให้สักการะบูชา
และด้านหน้าพระอุโบสถยังมีพระพรหมและพระแม่ธรณีให้พสกนิกรได้กราบไหว้ด้วยนะคะ
วัดท่าซุง จากที่เราได้อ่านรีวิวจากที่ต่างๆ บนอินเตอร์เน็ต
สิ่งที่เห็นพ้องต้องกัน ในเรื่องสิ่งที่น่าสนใจของวัดท่าซุงต้องยกให้กับ 2 สถานที่
คือ วิหารแก้ว 100 เมตร และปราสาททองคำ ส่วนเป้าหมายแรกของเราในเวลานี้ คือ วิหารแก้ว
แต่ในขณะนี้เรามีเวลาจำกัดเหลือเกิน เพราะกว่าที่เราจะเดินทางมาถึงวัดท่าซุงก็บ่าย 3 โมงแระ ดังนั้น วันนี้เรามีเวลาเหลือเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น
ที่เราจะได้เข้าไปชมวิหารแก้ว เนื่องจากวิหารแก้วจะเปิดให้ชมตั้งแต่เวลา 09.00 –
11.45 น. และ 14.00 – 16.00 น. ของทุกวัน หากใครจะเดินทางไปวัดท่าซุงต้องวางแผนการเดินทางให้ดีนะคะ
ไม่เช่นนั้นจะเป็นเช่นเรานะเออ อิอิ เวลานั้นเราไปจังหวะดีเลยค่ะ
มีพระภิกษุสงฆ์กำลังกราบพระอุโบสถอยู่ด้านนอกพอดี ซึ่งเป็นภาพที่งดงามยิ่ง
เราจึงแอบเก็บภาพมาเงียบๆ และขออนุญาตในใจเบาๆ
ในเชิงขออนุญาตก่อนทำการบันทึกภาพให้เงียบที่สุด เพื่อไม่เป็นการรบกวนสมาธิท่านจนเกินไป
ฟังแล้วเหมือนจะดูดีเนอะ หุหุ
หลังจากที่เรากราบไหว้องค์หลวงพ่อปานและองค์หลวงพ่อพระราชพรหมยานแล้ว เรารีบออกจากพระอุโบสถทันที ก่อนที่จะออกรถไปเราทำการสอบถามเด็กๆ
ละแวกนั้นว่าวิหารแก้วอยู่ตรงไหน ตอนที่น้องๆ บอกกับเราก็เหมือนจะหาไม่ยากนะคะ
แต่ทำไมเราถึงได้เลี้ยวเข้าออกเป็นว่าเล่นตั้งหลายรอบกว่าจะหาเจอ อิอิ ใครจะไปคิดว่าวัดท่าซุงจะมีพื้นที่กว้างใหญ่ขนาดนี้
และไม่มีข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตบอกเราเลยว่า วัดท่าซุงมีพื้นที่หลายร้อยไร่
แต่ที่แน่ๆ เวลา 1 ชั่วโมงที่เราเหลืออยู่ก่อนที่วิหารแก้วจะปิด
ทำเอาเราหัวฟูได้นะเออ สุดท้ายเราก็มายืนตรงนี้ค่ะ ลานจอดรถอยู่บริเวณด้านหน้าวิหาร
และก่อนที่เราจะเดินเข้าประตูวิหารแก้ว 100 เมตร
จะมีรูปปั้นของพระราชานุสาวรีย์พระมหากษัตริย์ไทยลักษณะประทับนั่งบัลลังก์ปิดทองคำเปลวสีทองทั้งองค์
อยู่บริเวณด้านหน้าทางเข้า เช่น พระบรมรูปรัชกาลที่ 1 รัชกาลที่ 5
รัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่ 7
เดินเข้ามาด้านในทางขวามือจะเป็นมณฑปของหลวงปู่ปานค่ะ ซึ่งหลวงปู่ปาน
ก็คือ พระอาจารย์ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำผู้ที่สร้างวิหารแก้ว
ซึ่งเป็นวิหารสำคัญของวัดท่าซุง ที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำได้สร้างไว้ก่อนที่จะมรณภาพ โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำมีชื่อเสียงด้านการบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐานจนได้วิชามโนยิทธิ
ภายหลังจากที่ท่านได้มรณภาพไปแล้วนั้น
สังขารร่างกายของท่านก็มิได้เน่าเปื่อยเช่นศพของคนทั่วไป
และได้มีการเก็บรักษาไว้ที่วัดท่าซุงจนถึงปัจจุบันนี้ ถ้าเอ่ยนามถึงหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
หรือ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าซุงจังหวัดอุทัยธานี
ย่อมเป็นที่รู้จักชื่อเสียงของท่านเป็นอย่างดี
เพราะท่านมีลูกศิษย์มากมายทั่วประเทศ
และบุญบารมีของท่านก็เป็นที่ประจักษ์แก่ศิษยานุศิษย์
จนบางคนบอกว่าท่านมีญาณหยั่งรู้เรื่องจิต และท่านเทศน์เก่งเป็นที่จับใจผู้ฟังอีกด้วย เมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่จะมีญาติโยมผู้ศรัทธามาทำบุญปฏิบัติธรรมที่วัดท่าซุงนับหมื่นคน
วิชาที่ท่านพร่ำสอนให้ศิษย์ คือ วิชามโนมยิทธิ เป็นการฝึกฤทธิ์ทางใจ
และวิชาเป่ายันต์เกราะเพชรที่ท่านได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อปาน ณ วัดบางนมโค
เมื่อครั้งท่านได้ละสังขารก็เกิดสิ่งมหัศจรรย์ คือ
ร่างกายท่านไม่เน่าเปื่อย ผิวพรรณของท่านเป็นสีดำคล้ำ
และร่างกายของท่านก็ได้ตั้งอยู่ในประสาทอันมีโลงแก้วปิดทับเอาไว้
ตั้งอยู่ในวิหารแก้วแห่งนี้
เพื่อให้ประชาชนที่เคารพศรัทธาได้มีโอกาสเดินทางมากราบไหว้บูชาเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตค่ะ เราเดินเข้ามาด้านในพระวิหารด้านซ้ายมือจะเป็นสถานที่บรรจุสรีระสังขารที่ไม่เน่าเปื่อยของหลวงพ่อฤาษีลิงดำค่ะ
โดยบรรจุอยู่ในโลงแก้วให้ศิษยานุศิษย์ได้เข้ามานมัสการกัน แม้ใกล้ถึงเวลาปิดวิหารแก้วแล้วก็ตาม
แต่ภายในวิหารก็ยังมีผู้คนจำนวนมากเข้ามากราบไหว้หลวงพ่อฤาษีลิงดำไม่ขาดสาย
คงจะเป็นสิ่งยืนยันได้ว่า
ที่นี่เป็นสถานที่สำคัญที่เดินทางมาถึงจังหวัดอุทัยธานีแล้ว ไม่ควรพลาดที่จะแวะมากราบไหว้กันนะคะ
วัดท่าซุงเป็นวัดที่มีความสวยงามเป็นอย่างมาก
ด้วยเอกลักษณ์ของวิหารแก้วที่มีความยาวถึง 100 เมตร
และได้ตกแต่งประดับประดาไปด้วยโมเสกสีขาวและกระจกเงาวิบวับไปทั้งหลัง
ส่วนด้านบนเพดานของวิหารจะประดับด้วยช่อไฟระย้าทั้งช่อเล็กและช่อใหญ่ระยิบระยับเป็นจำนวนมาก
และด้วยลักษณะของโมเสกสีขาวและกระจกที่ใช้ประดับประดาทั่วทั้งวิหาร
ทำให้ภาพที่เห็นเป็นภาพสะท้อนทำให้วิหารแห่งนี้งดงามอลังการและแปลกตามากๆ ค่ะ ส่วนอีกด้านหนึ่งทางขวามือของวิหารแก้ว
จะเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธชินราชจำลอง ซึ่งเป็นพระประทานภายในวิหารแห่งนี้
เพื่อให้ญาติโยมทั้งหลายที่ได้เดินทางมาที่นี่ได้กราบไหว้สักการะ
หลังจากที่เราได้กราบไหว้สังขารหลวงพ่อฤาษีลิงดำ และพระพุทธชินราชแล้ว
ก่อนจะเดินทางกลับแม่ชีได้บอกแก่เราว่า
ช่วงเช้าภายในวิหารมีการถวายสังฆทานพระประจำวันเกิดด้วย ดังนั้น
พรุ่งนี้เช้าก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ เราจะมาแวะที่นี่กันอีกครั้ง
เพื่อถวายสังฆทานพระประจำวันเกิดให้เป็นสิริมงคลแก่ตนเองค่ะ
และในช่วงเช้าของวันรุ่งขึ้น เราก็เดินทางกลับมาที่วัดท่าซุงอีกครั้ง
เพื่อมาถวายสังฆทานพระประจำวันเกิดอย่างที่ตั้งใจไว้ ก่อนที่เราจะถวายสังฆทาน
เราทำบุญและนำเครื่องบูชาที่ทางวัดได้ตระเตรียมไว้ให้แก่ญาติโยมได้ยกประเคนแด่หลวงพ่อฤาษีลิงดำก่อน
เนื่องจากเมื่อวานเวลามีน้อยจึงทำไม่ทันค่ะ หลังจากเสร็จสิ้นแล้ว
เราจึงเดินมาแจ้งวันเกิดแก่ทางวัดว่าเราเกิดวันอะไร ทางวัดก็จะยกชุดพานถวายสังฆทาน
และพระประจำวันเกิดที่ทางวัดได้จัดเตรียมชุดถวายสำหรับประชาชนไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ยกมาให้แก่เรา จากนั้นก็นำมาอธิษฐานและยกไปถวายแก่พระภิกษุสงฆ์ก็ถือว่าเสร็จเรียบร้อย เราเพิ่งเดินทางมาที่นี่เป็นครั้งแรก
ก่อนหน้านี้ไม่ทราบเลยจริงๆ ว่าวัดท่าซุงจะมีพื้นที่มหาศาลขนาดนี้
ทำให้เราคิดไปเอง ว่าพื้นที่ของวัดท่าซุงคงจะเหมือนเช่นวัดอื่นทั่วๆ ไป
แต่เราขาดข้อมูลสำคัญทำให้เราพลาดสิ่งสำคัญหลายอย่างไปเช่นกัน หากผู้ที่สนใจจะไปเยี่ยมเยียนวัดท่าซุงควรหาข้อมูลและวางแผนให้ดีนะคะ
จะได้มาสัมผัสวัดท่าซุงได้อย่างละเอียดและไม่เสียเที่ยวอย่างเรา
แต่เราก็ตั้งใจไว้แล้ว
เราจะหาเวลาเพื่อเดินทางกลับไปเยือนและเก็บข้อมูลวัดท่าซุงอีกครั้งให้จงได้
เพราะปราสาททองคำเรายังไปไม่ถึงเลย เง้ออ ด้วยพื้นที่วัดท่าซุงที่มีมากกว่า 500 ไร่ ทำให้การเดินทางมาเยือนวัดท่าซุงในครั้งนี้ของเรา
ทำได้เพียงพามาชมวิหารแก้วก่อนนะคะ ในส่วนอื่นๆ
เราจะรีวิวสิ่งก่อสร้างที่สำคัญและสิ่งที่น่าสนใจของวัดนี้ให้ทั่วถึงในโอกาสต่อไปค่ะ
เนื่องด้วยบริเวณที่กว้างขวางเกินความคาดหมาย บวกกับเวลาที่จำกัดของเราแล้ว
ไม่เอื้ออำนวยด้วยประการทั้งปวง ขออนุญาตแปะโป้งไว้ก่อนน๊า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น