โบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล เป็นโบสถ์สีขาวขนาดใหญ่ออกแบบและสร้างด้วยสถาปัตยกรรมสมัยใหม่รูปทรงคล้ายเรือ ซึ่งตั้งอยู่ที่ ตำบลท่าแร่ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงการอพยพมาจากประเทศเวียดนามในราวปี 2427 มาตั้งถิ่นฐานของคริสตชนในหมู่บ้านท่าแร่แห่งนี้
เพื่อเป็นการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ยุคหลังสงครามอินโดจีน ซึ่งชุมชนท่าแร่เป็นชุมชนคาทอลิกที่เก่าแก่มีอายุกว่าร้อยปี
และถือว่าเป็นชุมชนชาวคริสต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยก็ว่าได้
ในชุมชนท่าแร่มีประชากรที่นับถือคาทอลิกมากมายนับหมื่นคน ใครที่ได้มาเยือนจังหวัดสกลนครต้องห้ามพลาดเลยนะคะ
เพราะที่นี่ถือว่าเป็นไฮไลท์สำคัญที่ต้องแวะมาชมกันสักครั้ง ซึ่งการเดินทางก็อยู่ไม่ไกลนักจากตัวเมือง โดยใช้เส้นทางเดียวกันกับอุทยานบัวเฉลิมพระเกียรติค่ะ
ซึ่งอาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล เป็นวัดคริสต์ที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดสกลนคร เป็นงานศิลปกรรมที่ล้ำค่า ที่มียอดสูงเสียดฟ้าเหนือสิ่งปลูกสร้างอื่นใดในละแวกนั้น
เป็นสถานที่ที่ใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และเป็นศูนย์รวมจิตใจทุกคนในชุมชนท่าแร่ให้เป็นหนึ่งเดียว ชุมชนท่าแร่ที่มีประชากรนับถือคอทอลิกมีความเชื่อว่า
ที่นี่ไม่ใช่เพียงตัวอาคารอาสนวิหารที่สวยงามตระการตาเพียงเท่านั้น แต่อาสนวิหารแห่งนี้
หมายถึงเลือดเนื้อ ชีวิต และจิตใจของพี่น้องชาวท่าแร่ทุกคน ที่จะต้องดำรงตนและดำเนินชีวิตให้สมกับการเป็นวิหาร เพื่อเจริญชีวิตและอุทิศตนรับใช้ซึ่งกันและกันด้วยใจที่ยินดี เพราะที่นี่ คือ อาสนวิหารที่มีชีวิตนั่นเอง
ส่วนภายในอาสนวิหารแห่งนี้ สามารถจุคนที่เดินทางมาสวดมนต์ได้ถึง 1,000 คน มีโต๊ะและเก้าอี้วางไว้เป็นทิวแถวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
โดยใต้โต๊ะมีพระคัมภีร์ไบเบิลเตรียมไว้ให้ทุกที่นั่ง ภายในมีความโอ่อ่าโปร่งโล่งสบายและเงียบสงบ ส่วนหน้าต่างรอบอาสนวิหารส่วนบนตกแต่งเป็นกระจกใสลวดลายต่างๆ
อย่างสวยงาม และกระจกช่องแสงเป็นกระจกสีเป็นรูปพระนางมารีย์ ส่วนบริเวณพระแท่นเป็นหินอ่อน
และไม้กางเขนเป็นไม้สักเสริมด้วยจั่วไม้ทรงโรมัน เพื่อทำให้ไม้กางเขนดูเด่นเป็นสง่ามากขึ้น ส่วนฝ้าเพดานได้ตกแต่งเป็นลายไม้เป็นรูปดวงอาทิตย์ล้อมรอบด้วยไม้ 8 เหลี่ยมอยู่เหนือพระแท่น ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่ ทำให้เราต้องสำรวมกิริยามารยาททุกย่างก้าว แม้ว่าเวลานั้นที่เราเข้าไปภายในโบสถ์แม้จะไม่มีใครเลยก็ตาม ซึ่งเป็นความรู้สึกที่เราสัมผัสได้จริงๆ ค่ะ
นอกจากโบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอลแล้ว ยังสามารถมาสัมผัสกับผังเมืองที่สวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อยอีกด้วยนะคะ โดยมีถนนตัดขวางไปมาเป็นสี่เหลี่ยมตารางหมากรุกคล้ายกับบ้านเมืองในแถบยุโรป
และอาคารบ้านเรือนของชุมชนท่าแร่ที่มีทั้งอาคารไม้และอาคารปูน ที่มีเอกลักษณ์รูปทรงแบบตะวันตกผสมศิลปะเวียดนาม ซึ่งเราไม่มีเวลาได้เดินสำรวจมากนัก อาศัยขับรถชมบริเวณเพียงเท่านั้น ซึ่งถือว่าน่าเสียดายจริงๆ ค่ะ คราวหน้าเราต้องมาใหม่อย่างแน่นอน เพราะที่นี่ยังมีอะไรให้เราต้องมาเก็บเกี่ยวอีกพอสมควร อิอิ ส่วนของวิถีชีวิตของชุมชนชาวท่าแร่นั้น จะเคร่งครัดในการปฏิบัติศาสนกิจมาตั้งแต่ในครั้งบรรพชนค่ะ เพราะมีวัดอัครเทวดามีคาแอลเป็นศูนย์กลางของคริสต์ศาสนิกชนทั้งหลาย วิถีชีวิตของชาวบ้านแถบนี้เป็นแบบเรียบง่ายอาศัยรวมกันเป็นแบบญาติพี่น้อง
และที่นี่ยังมีประเพณีที่โดดเด่นของชาวคริสต์ท่าแร่ที่ไม่เหมือนใครอีกด้วยนะเออ คือ ประเพณีแห่ดาวในวันคริสต์มาสค่ะ หากใครที่มีโอกาสได้มาเยือนในช่วงเทศกาลนี้ ก็แวะมาสัมผัสกันได้นะคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น