โรงแรม พี.ซี แกรนด์ พาเลซ สกลนคร



โรงแรม พี.ซี แกรนด์ พาเลซ (P.C Grand Palace Hotel) ตั้งอยู่ในตัวเมืองสกลนคร ที่ให้บริการห้องพักที่มีมาตรฐาน ห้องกว้างขวาง มีความสะดวกสบาย เงียบสงบมีความเป็นส่วนตัวสูง และบรรยากาศดีมาก เพราะโรงแรมอยู่ติดกับบึงน้ำขนาดใหญ่ ภายในโรงแรมตกแต่งได้สวยงาม ซึ่งการเข้าพักที่นี่ของเราได้รับการแนะนำจากคนในพื้นที่ให้มาพักที่นี่ค่ะ เพราะที่นี่ถือว่าเป็นโรงแรมสำหรับการรับรองแขกบ้านแขกเมืองได้เป็นอย่างดี เพราะมีการบริการที่ครบครัน และเป็นโรงแรมที่เปิดให้บริการมานาน ถือว่าเป็นที่รู้จักของบุคคลหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยว กลุ่มภาครัฐและเอกชน หรือประชาชนทั่วไป เนื่องจากที่นี่ยังมีห้องประชุมไว้สำหรับการจัดสัมมนาด้วยนะคะ




การเดินทางมาที่นี่เป็นครั้งแรก ถือว่ายากพอสมควร เพราะต้องเข้าซอยค่อนข้างซิกแซกนิดหน่อย ยิ่งเราเข้ามาเช็คอินในเวลามืดค่ำด้วยแล้ว ความยากเพิ่มเป็นเท่าตัวเลยค่ะ ยอมรับเลยว่าค่อนข้างจะทุลักทุเล ต้องจอดถามเส้นทางไปตลอด แต่พอมาถึงแล้วก็ถือว่าไม่ยากมากนัก  วันรุ่งขึ้นเราก็ขับรถเข้าออกได้สบายเลย สำหรับความประทับครั้งแรกกับการมาเยือนที่นี่ ต้องบอกก่อนเลยว่าที่นี่มีจุดเด่นที่เราเห็นเป็นอันดับแรกเลย คือ มีลานจอดรถที่เยอะมากๆ สามารถจอดรถได้เป็นร้อยคันได้ค่ะ เพราะว่าที่นี่มีห้องไว้สำหรับประชุมและสัมมนานั่นเอง และยังมีห้องสำหรับจัดงานเลี้ยงงานมงคลด้วยนะเออ ถือว่าเป็นโรงแรมที่ครบเครื่องจริงๆ ค่ะ  




ด้วยโรงแรม พี.ซี บริการห้องพักหลายแบบด้วยกัน คือ ห้องพัก VIP จำนวน 70 ห้อง ซึ่งแยกเป็นห้องเตียงเดี่ยว เตียงคู่ และยังมีห้องสำหรับ 4 เตียง สำหรับครอบครัวใหญ่ หรือจะมาเป็นหมู่คณะด้วยนะคะ และห้องพักแบบธรรมดา จำนวน 120 ห้อง ส่วนห้องพักที่เราเข้ามาเก็บภาพนี้เป็นห้องแบบ Deluxe เป็นลักษณะห้องพักแบบวีไอพี ที่มีพื้นที่ใช้สอยภายในห้องได้อย่างกว้างขวางและมีความโอ่อ่า พร้อมชุดรับแขกภายในห้อง เพื่อความสะดวกในการต้อนรับแขกเหรื่อโดยไม่ต้องลงไปนั่งที่ล๊อบบี้เลยค่ะ ส่วนข้าวของเครื่องใช้ก็ครบครันตามมาตรฐานโรงแรมทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น ทีวี ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น ไดร์เป่าผม อินเตอร์เน็ตไร้สาย น้ำดื่มฟรี 2 ขวด ฯลฯ นอกจากนั้นทางโรงแรมยังมีบริการสปา เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าด้วยนะคะ จะลงไปใช้บริการที่ร้านก็ได้ หรือจะโทรแจ้งให้พนักงานขึ้นมานวดตัวที่ห้องพักก็ได้ค่ะ ซึ่งร้านสปาก็อยู่ด้านข้างของโรงแรมนี่เองค่ะ ราคาก็ย่อมเยาด้วยนะคะ 




ทางโรงแรมมีบริการอาหารเช้าสำหรับ 2 ท่านด้วยนะคะ เป็นแบบบุฟเฟ่ต์เช่นโรงแรมทั่วๆ ไป ก็จะมี ข้าวต้ม ข้าวสวยพร้อมกับข้าว 2 - 3 อย่าง และอาหารประเภท Breakfast  ไส้กรอก ไข่ดาว แฮม ขนมปัง ส่วนเครื่องดื่มก็จะมีชา กาแฟ โอวัลติน น้ำส้ม น้ำหวานเฮลลูบอยค่ะ แต่น่าแปลกนะคะ ที่นี่เราไม่เห็นมีผลไม้เลย หรือว่าเราลงมาสายเกินไปก็ไม่รู้สิ แต่เราพักที่นี่สองคืน ก็ไม่เห็นทั้งสองวันนะคะ สงสัยทางโรงแรมจะไม่มีเสิร์ฟมากกว่าค่ะ แห่ะๆ การที่ทางโรงแรมมีบริการอาหารเช้าถือว่าเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจเข้าพักสำหรับเราทีเดียว เพราะความสะดวกที่ไม่ต้องเร่งรีบที่จะต้องออกไปหาทานอาหารเช้าข้างนอกนั่นเอง 




สำหรับห้องพักที่นี่เราค่อนข้างโอเคนะคะ เพราะเงียบสงบผู้คนไม่พลุกพล่าน ภายในห้องพักก็กว้างขวาง ชอบมากๆ เลยค่ะ ที่มีพื้นที่ใช้สอยมากมาย ที่นี่ถือว่าเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ กับที่พักระดับ 3 ดาว ในราคาที่ย่อมเยาพร้อมอาหารเช้า และมีความสะดวกสบายกับสถานที่จอดรถนับร้อยคัน ทำเลดีบนถนนรอบหนองสนม ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร หากใครมีโอกาสได้แวะมาท่องเที่ยวหรือมาทำธุระก็ตาม หากยังไม่มีที่พักในใจ ก็ลองแวะมาใช้บริการที่นี่กันดูค่ะ สนใจเข้าพัก สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่  042 – 733988 , 042 – 733911 , 042 - 733917


โบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่ สกลนคร



โบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล เป็นโบสถ์สีขาวขนาดใหญ่ออกแบบและสร้างด้วยสถาปัตยกรรมสมัยใหม่รูปทรงคล้ายเรือ ซึ่งตั้งอยู่ที่ ตำบลท่าแร่ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงการอพยพมาจากประเทศเวียดนามในราวปี 2427 มาตั้งถิ่นฐานของคริสตชนในหมู่บ้านท่าแร่แห่งนี้ เพื่อเป็นการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ยุคหลังสงครามอินโดจีน ซึ่งชุมชนท่าแร่เป็นชุมชนคาทอลิกที่เก่าแก่มีอายุกว่าร้อยปี และถือว่าเป็นชุมชนชาวคริสต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยก็ว่าได้ ในชุมชนท่าแร่มีประชากรที่นับถือคาทอลิกมากมายนับหมื่นคน ใครที่ได้มาเยือนจังหวัดสกลนครต้องห้ามพลาดเลยนะคะ เพราะที่นี่ถือว่าเป็นไฮไลท์สำคัญที่ต้องแวะมาชมกันสักครั้ง ซึ่งการเดินทางก็อยู่ไม่ไกลนักจากตัวเมือง โดยใช้เส้นทางเดียวกันกับอุทยานบัวเฉลิมพระเกียรติค่ะ




ซึ่งอาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล เป็นวัดคริสต์ที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดสกลนคร เป็นงานศิลปกรรมที่ล้ำค่า ที่มียอดสูงเสียดฟ้าเหนือสิ่งปลูกสร้างอื่นใดในละแวกนั้น เป็นสถานที่ที่ใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และเป็นศูนย์รวมจิตใจทุกคนในชุมชนท่าแร่ให้เป็นหนึ่งเดียว ชุมชนท่าแร่ที่มีประชากรนับถือคอทอลิกมีความเชื่อว่า ที่นี่ไม่ใช่เพียงตัวอาคารอาสนวิหารที่สวยงามตระการตาเพียงเท่านั้น แต่อาสนวิหารแห่งนี้ หมายถึงเลือดเนื้อ ชีวิต และจิตใจของพี่น้องชาวท่าแร่ทุกคน ที่จะต้องดำรงตนและดำเนินชีวิตให้สมกับการเป็นวิหาร เพื่อเจริญชีวิตและอุทิศตนรับใช้ซึ่งกันและกันด้วยใจที่ยินดี เพราะที่นี่ คือ อาสนวิหารที่มีชีวิตนั่นเอง




ส่วนภายในอาสนวิหารแห่งนี้ สามารถจุคนที่เดินทางมาสวดมนต์ได้ถึง 1,000 คน มีโต๊ะและเก้าอี้วางไว้เป็นทิวแถวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยใต้โต๊ะมีพระคัมภีร์ไบเบิลเตรียมไว้ให้ทุกที่นั่ง ภายในมีความโอ่อ่าโปร่งโล่งสบายและเงียบสงบ ส่วนหน้าต่างรอบอาสนวิหารส่วนบนตกแต่งเป็นกระจกใสลวดลายต่างๆ อย่างสวยงาม และกระจกช่องแสงเป็นกระจกสีเป็นรูปพระนางมารีย์ ส่วนบริเวณพระแท่นเป็นหินอ่อน และไม้กางเขนเป็นไม้สักเสริมด้วยจั่วไม้ทรงโรมัน เพื่อทำให้ไม้กางเขนดูเด่นเป็นสง่ามากขึ้น ส่วนฝ้าเพดานได้ตกแต่งเป็นลายไม้เป็นรูปดวงอาทิตย์ล้อมรอบด้วยไม้ 8 เหลี่ยมอยู่เหนือพระแท่น ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่ ทำให้เราต้องสำรวมกิริยามารยาททุกย่างก้าว แม้ว่าเวลานั้นที่เราเข้าไปภายในโบสถ์แม้จะไม่มีใครเลยก็ตาม ซึ่งเป็นความรู้สึกที่เราสัมผัสได้จริงๆ ค่ะ




นอกจากโบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอลแล้ว ยังสามารถมาสัมผัสกับผังเมืองที่สวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อยอีกด้วยนะคะ โดยมีถนนตัดขวางไปมาเป็นสี่เหลี่ยมตารางหมากรุกคล้ายกับบ้านเมืองในแถบยุโรป และอาคารบ้านเรือนของชุมชนท่าแร่ที่มีทั้งอาคารไม้และอาคารปูน ที่มีเอกลักษณ์รูปทรงแบบตะวันตกผสมศิลปะเวียดนาม ซึ่งเราไม่มีเวลาได้เดินสำรวจมากนัก อาศัยขับรถชมบริเวณเพียงเท่านั้น ซึ่งถือว่าน่าเสียดายจริงๆ ค่ะ คราวหน้าเราต้องมาใหม่อย่างแน่นอน เพราะที่นี่ยังมีอะไรให้เราต้องมาเก็บเกี่ยวอีกพอสมควร อิอิ ส่วนของวิถีชีวิตของชุมชนชาวท่าแร่นั้น จะเคร่งครัดในการปฏิบัติศาสนกิจมาตั้งแต่ในครั้งบรรพชนค่ะ เพราะมีวัดอัครเทวดามีคาแอลเป็นศูนย์กลางของคริสต์ศาสนิกชนทั้งหลาย วิถีชีวิตของชาวบ้านแถบนี้เป็นแบบเรียบง่ายอาศัยรวมกันเป็นแบบญาติพี่น้อง และที่นี่ยังมีประเพณีที่โดดเด่นของชาวคริสต์ท่าแร่ที่ไม่เหมือนใครอีกด้วยนะเออ คือ ประเพณีแห่ดาวในวันคริสต์มาสค่ะ หากใครที่มีโอกาสได้มาเยือนในช่วงเทศกาลนี้ ก็แวะมาสัมผัสกันได้นะคะ


พิพิธภัณฑ์อาจารย์มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส สกลนคร



จังหวัดสกลนคร ถือได้ว่าเป็นเมืองพุทธศาสนา ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีวัดวาอารามเก่าแก่อยู่มากมาย แสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาที่มีมาตั้งแต่ในครั้งอดีต และเป็นถิ่นกำเนิดและพำนักของอริยสงฆ์ที่เคารพบูชาของคนไทยมากมาย อาทิเช่น พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร หลวงปู่หลุย จันทสาโร พระอาจารย์วัน อุตตโม หลวงปู่เทสก์ เทสก์รังสี เป็นต้น และวันนี้เราได้มีโอกาสมาเที่ยวจังหวัดสกลนคร จึงแวะมาชมพิพิธภัณฑ์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ที่ตั้งอยู่ในวัดป่าสุทธาวาส พิพิธภัณฑ์มีลักษณะการก่อสร้างแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ประยุกต์ สร้างด้วยกระเบื้องดินเผางดงามมากค่ะ ส่วนภายในบริเวณวัดร่มรื่นไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่สดชื่นสบายใจค่ะ




ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์มีแผ่นป้ายประวัติของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ส่วนด้านในพิพิธภัณฑ์มีรูปหล่อเสมือนองค์ของพระอาจารย์มั่นในลักษณะท่านั่งสมาธิ และมีตู้กระจกบรรจุอัฐิของท่านอยู่เบื้องหน้าไว้ให้ประชาชนได้กราบไหว้ และบริเวณด้านข้างผนังจะมีตู้แสดงเครื่องอัฐบริขารให้ได้ชมกัน ซึ่งประวัติของพระอาจารย์มั่นนั้น ท่านได้กำเนิดในสกุลแก่นแก้ว ที่ตำบลโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี โดยบรรพชาเป็นสามเณรเมื่อตอนอายุ 15 ปี และอุปสมบถเมื่ออายุ 22 ปี ที่วัดเลียบ จังหวัดอุบลราชธานี ต่อมาท่านได้ย้ายการธุดงค์กรรมฐานเข้ามาจำพรรษาที่วัดป่าสุทธาวาสในจังหวัดสกลนคร และได้มรณภาพที่วัดแห่งนี้ เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2492




พระอาจารย์มั่น เป็นพระสายวิปัสสนากรรมฐาน หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า พระสายวัดป่า ท่านจะยึดมั่นในการปฏิมาธุดงค์กรรมฐาน ท่านวางแนวทางในการปฏิบัติสมถะและวิปัสสนาตามหลักธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาพุทธเจ้า ให้แก่สมณะประชาชนอย่างกว้างขวาง จนมีพระสงฆ์และฆราวาสเป็นลูกศิษย์จำนวนมาก ปัจจุบันยังคงมีพระสงฆ์ที่เป็นลูกศิษย์ของท่านสืบต่อแนวปฏิบัติของท่านสืบมาจนบัดนี้ โดยลูกศิษย์เรียกท่านว่า พระกรรมฐานสายวัดป่า หรือ พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ท่านได้รับการยกย่องจากผู้ศรัทธาให้เป็น พระอาจารย์ใหญ่สายวัดป่า สืบมาจนถึงปัจจุบัน และมีพระในสายเดียวกันกับท่านอีกหลายองค์ที่เข้ามาปฏิบัติ และฝึกวิปัสสนากรรมฐานตามแนวทางของท่านเช่นกัน เช่น พระอาจารย์ฝั้น  อาจาโร  หลวงปู่ขาว  อนาลโย  หลวงปู่แหวน สุจิณโณ  หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโณ เป็นต้น ซึ่งวัดป่าสุทธาวาส เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญและมีสวยงามมากๆ หากมีโอกาสได้มาเยือนจังหวัดสกลนคร อย่าลืมแวะมาชมและกราบไหว้ท่านกันนะคะ