วัดศรีชุม เป็นศาสนโบราณสถานในเขตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งอยู่ภายนอกกำแพงเมือง ในตำบลเมืองเก่า อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย วัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมาวิชัย องค์ใหญ่ที่มีนามว่า "พระอจนะ" ที่เป็นที่เลื่องลือถึงความศักดิ์สิทธิ์ มีมนต์เสน่ห์และเอกลักษณ์ ที่ชวนให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ต่างแวะเวียนมาสักการะอย่างไม่ขาดสาย
เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของวัดศรีชุม ก็คือ พระวิหารเก่าแก่ เป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยม ลักษณะคล้ายกับมณฑป ไม่มีหลังคาปกคลุม เพราะได้พังทลายลงไปหมดแล้วตามกาลเวลา มีเพียงการสันนิษฐานกันว่า หลังคานั้นมีลักษณะเป็นรูปโค้งคล้ายโดม แต่ปัจจุบันไม่มีหลังคา จึงเหลือเพียงผนังรอบล้อมทั้ง 4 ด้าน ไม่มีหน้าต่าง มีการก่ออิฐถือปูนอย่างมั่นคงแข็งแรง บริเวณโดยล้อมพระวิหาร ถูกโอบล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่เขียวขจีไปทั่วบริเวณ
ดูจากลักษณะภายนอกของวัดศรีชุม คล้ายกับว่าเป็นเพียงวัดเก่าแก่ธรรมดา แต่อันที่จริงแล้ว การก่อสร้างวิหารแห่งนี้ มีความแยบยลและซับซ้อนเป็นอันมาก เพราะผนังด้านทิศใต้มีช่องอุโมงค์ เดินเข้าไปด้านใน และมีบันไดแคบๆ ที่สามารถเดินขึ้นไปด้านข้างขององค์พระอจนะได้ หากลองพูดเสียงดังๆ เสียงของเราก็จะดังก้องกังวานอยู่ภายในวิหาร จึงเสมือนว่าเป็นเสียงมาจากพระพุทธรูป จึงเป็นที่มาของตำนานที่เล่าขานต่อๆ กันมา ว่าพระอจนะสามารถพูดได้ เมื่อในอดีตครั้งยามมีศึกสงคราม จึงเป็นกุศโลบายในการปลุกขวัญกำลังใจแก่ทหารในการออกศึกค่ะ
"พระอจนะ" มีผู้ให้ความหมายว่า หมายถึง คำในภาษาบาลี "อจละ" ซึ่งแปลว่า "ผู้ไม่หวั่นไหว มั่นคง" "ผู้ที่ควรแก่การเคารพกราบไหว้" พระอจนะเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขัดสมาธิราบ เป็นพระประธานองค์ใหญ่ที่อยู่ภายในพระวิหารหรือมณฑป ใช้วัสดุปูนปั้น แกนในก่ออิฐและศิลาแลง มีหน้าตักกว้าง 11.30 เมตร มีความสูง 15 เมตร เป็นศิลปะแบบสุโขทัยค่ะ
พระอาจนะ เป็นพระพุทธรูปที่มีขนาดองค์ใหญ่เต็มพระวิหาร ทำให้เมื่อเข้าไปด้านในค่อนข้างมีความคับแคบ แต่ในความคับแคบของพระวิหาร กับสร้างให้พระอจนะมีความโดดเด่นได้อย่างน่าทึ่ง พระประธานองค์นี้จึงเป็นไฮไลท์สำคัญ ของวัดศรีชุมเชียวนะคะ และเป็นสัญลักษณ์ของเมืองมรดกโลกอย่างสุโขทัยอีกด้วยค่ะ พระอาจนะค่อนข้างจะมีความยากลำบาก ในการเก็บภาพพอสมควร ต้องใช้เลนส์ไวด์เท่านั้น จึงจะสามารถเก็บภาพองค์พระได้ทั้งหมด ต้องมีเทคนิคในการถ่ายภาพกันหน่อยค่ะ อิอิ