เขาค้อ เป็นที่รู้จักกันดีของประชาชนทั่วประเทศก็ว่าได้ ในฐานะที่เป็นพื้นที่ทั้ง ตำรวจ ทหาร ได้พลีชีพเพื่อประเทศ ในการสู้รบและต่อต้านผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ซึ่งเป็นวีรกรรมอันกล้าหาญที่ทราบกันทั่วไป ว่าเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญที่มีนักรบผู้กล้า ได้สูญเสียทั้งชีวิตไปเป็นจำนวนมาก เป็นวีรบุรุษที่ควรแก่การจดจำและรำลึกถึง แม้วันเวลาจะผ่านมาเกือบ 50 ปี ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งคอมมิวนิสต์ เป็นพื้นที่สู้รบจากผู้ที่มีแนวคิดทางการเมืองที่แตกต่างกัน ซึ่งเขาค้อในอดีต ถือว่าเป็นดินแดนต้องห้าม ที่คนทั่วไปไม่ควรเข้าไปใกล้แม้แต่น้อย เพราะถือว่าเป็นพื้นที่อันตรายเป็นอย่างมาก แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป ความขัดแย้งได้ยุติลง เขาค้อได้ปรับเปลี่ยนกลายเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่น เพราะมีธรรมชาติและสภาพอากาศเย็นตลอดปี
พิพิธภัณฑ์อาวุธ และ ฐานยิงสนับสนุนอิทธิ ตั้งอยู่บ้านสิมารักษ์ หมู่ 3 ตำบลทุ่งสมอ อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดสร้างขึ้น เพื่อเชิดชูเกียรติวีรกรรมอันกล้าหาญของทหาร ตำรวจ และพลเรือน ที่ปฏิบัติงานในการต่อต้านคอมมิวนิสต์ ในเขตรอยต่อระหว่าง 3 จังหวัด คือ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก และจังหวัดเลย ในการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์นี้ ได้ใช้เวลาในการสู้รบยาวนานกว่า 10 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2511 เป็นต้นมา ฝ่ายรัฐบาลต้องสูญเสียกำลังพล และยุทธโธปกรณ์ไปเป็นจำนวนมาก เพื่อล้มล้างอิทธิพลผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ณ บริเวณเขาค้อได้สำเร็จ
การปฏิบัติการโดยได้รับการยิงสนับสนุน จากฐานยิงบนยอดเขาค้อแห่งนี้ จนสามารถทำลายฐานที่มั่นของกลุ่มผู้การร้ายคอมมิวนิสต์ บนเขาค้อทั้งหมดได้สำเร็จ แต่จากการสู้รบทำให้สูญเสียกำลังพลเป็นจำนวนมาก รวมถึงพันเอกอิทธิ สิมารักษ์ ซึ่งเสียชีวิตจากการบัญชาการรบที่เขาค้อ เพื่อนำผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตออกจากพื้นที่การต่อสู้ ฐานยิงสนับสนุนแห่งนี้ จึงได้รับการตั้งชื่อว่า "ฐานยิงสนับสนุนอิทธิ" เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ พันเอกอิทธิ สิมารักษ์ ผู้มีบทบาทสำคัญในการสู้รบยึดพื้นที่เขาค้อคืนจากผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ สิ้นสุดลงในปี พ.ศ.2525
ภายหลังจากเหตุการณ์โดยรวมได้สงบลง กองทัพบกได้ดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ฐานสนับสนุนแห่งนี้ เป็นพิพิธภัณฑ์สถานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการสู้รบต่อต้านผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ โดยเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการตั้งแต่ ปี พ.ศ.2527 เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง มีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ใช้ในการสู้รบตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น บังเกอร์ หลุมหลบภัย รถถัง รถแทรคเตอร์ตีนตะขาบ เฮลิปคอปเตอร์ เครื่องบินขับไล่ เอฟ 5 รถสายพานลำเลียงพล ปืนกล และซากปืนใหญ่ขนาดต่างๆ ฯลฯ ซึ่งแต่ละจุดจะมีป้ายประวัติ พร้อมคำอธิบายประกอบไว้อย่างละเอียด สำหรับผู้ที่สนใจในความเป็นมาค่ะ
นอกจากนั้นยังมีอาคารจัดแสดงอีก 2 หลัง ลักษณะเป็นอาคารชั้นเดียว ส่วนด้านล่างของอาคารถูกเจาะพื้นเป็นห้องใต้ดิน เป็นห้องโถงจัดแสดงอาวุธ เครื่องแบบทหาร อุปกรณ์เครื่องใช้ เสื้อผ้า อาวุธของคอมมิวนิสต์ ภาพถ่าย และห้องบรรยายเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์ในสมรภูมิรบแห่งนี้ ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม และได้ศึกษาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่สุดของประเทศไทยอีกด้วย
สถานที่และเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผู้กล้าได้พลีชีพ ในการสู้รบกับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์เมื่อครั้งในอดีต ไม่เคยเลือนหายไปจากความทรงจำของคนไทย และได้ถูกบันทึกไว้อย่างสง่างามบนเขาค้อจวบจนปัจจุบันค่ะ ซึ่งภายในฐานยิงสนับสนุนอิทธิแห่งนี้ มีจุดชมเมืองเขาค้อ เมื่อมองไปยังด้านล่าง ก็จะเห็นทัศนียภาพทั้งหมดของเขาค้อ เป็นจุดชมวิวที่สวยงามมาก ในช่วงหน้าหนาวก็จะสามารถมองเห็นทะเลหมอกได้จากบริเวณนี้ค่ะ
บริเวณภายในฐานยิงสนับสนุนอิทธิ จะร่มรื่นไปด้วยต้นไม้และดอกไม้หลากหลายชนิด มีดอกไม้เมืองหนาวบานสะพรั่ง สีสันสวยงามมากๆ ค่ะ สิ่งที่โดดเด่นเป็นพิเศษ ต้องยกให้กับกุหลาบดอกโตๆ ที่เบ่งบานไปทั่วบริเวณ เพิ่มสีสันให้กับสถานที่เป็นอย่างดี มีหลายสีมากๆ ค่ะ ทั้งสีแดง ชมพู ขาว เหลือง ส้ม ทำให้สถานที่ดูไม่เงียบเหงาอ้างว้างจนเกินไปค่ะ
ที่นี่ไม่ได้มีดีแค่กุหลาบดอกใหญ่หลากหลายสีที่แข่งกันอวดโฉม ยังมีอีกหนึ่งดอกไม้ที่เบ่งบานอวดโฉมสะท้านฟ้า อย่างดอกทานตะวันที่ชูช่อรับแสงแดงอ่อนๆ ท่ามกลางท้องฟ้าที่สดใส ในบรรยากาศเย็นสบาย ที่มีลมพัดอยู่ตลอดเวลา ทำให้รู้สึกสดชื่น จนคลายความเศร้ากับการสัมผัสประวัติศาสตร์ที่นองเลือดเมื่อครั้งในอดีตค่ะ
ภายในฐานยิงสนับสนุนอิทธิ ไม่ได้มีความสวยงามจากมวลดอกไม้ต่างๆ เพียงเท่านั้น ยังมีสิ่งมีชีวิตตัวน้อยๆ หลายชีวิตที่แอบซ่อนความน่ารักภายในสถานที่ที่เคยเป็นสมรภูมิรบกันดุเดือด ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั้งชายหญิง และเด็กๆ ได้แวะเวียนเข้าไปทักทาย และเล่นกับแมวเหมียวที่ซ่อนตัวในบังเกอร์ เพื่อหลบความหนาวเย็น แต่แฝงความเป็นมิตรให้กับทุกๆ คนที่ได้มาเยือนที่นี่ค่ะ อีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาด เมื่อมาเยือนถึงเขาค้อ กับประวัติศาสตร์ไทยที่คนไทยทุกคนควรจดจำ เปิดให้ชมทุกวันตั้งแต่เวลา 07.00 - 17.00 น. มีค่าบำรุงสถานที่เพียง 10 บาทเท่านั้นค่ะ