วัดพระปรางค์ ศรีสัชนาลัย สุโขทัย


วัดพระปรางค์ หรือชื่อเต็มที่เป็นทางการ คือ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุราชวรวิหาร อยู่ในอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย โดยตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองศรีสัชนาลัย ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นกลุ่มโบราณสถานขนาดใหญ่ และเป็นพระอารามหลวงชั้นราชวรวิหาร ซึ่งแต่เดิมนั้นที่นี่มีชื่อเรียกว่าเมืองเชลียง ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นเมืองศรีสัชนาลัยในสมัยราชวงศ์พระร่วงแห่งกรุงสุโขทัยค่ะ 


วัดพระปรางค์ ไม่มีหลักฐานการสร้างที่แน่ชัด แต่จากหลักฐานทางโบราณคดีแล้ว วัดแห่งนี้มีอายุตั้งแต่สมัยขอมเรืองอำนาจ น่าจะประมาณ 800 ปีเป็นอย่างต่ำ แต่ในความจริงอาจจะมีอายุมากกว่านี้ด้วยซ้ำไป เพราะที่ตั้งของวัดมีลักษณะเป็นศูนย์กลางของชุมชน คือ เมืองเชลียง ซึ่งเป็นเมืองที่มีชีวิตอยู่รวมสมัยกับยุคทวารวดี ตามหลักฐานในศิลาจารึกหลักที่ 1 และสมัยกรุงธนบุรี ว่าวัดนี้เป็นวัดสำคัญของเมืองเชลียง เพราะเป็นวัดที่สรงน้ำมูรธาภิเษก สำหรับพระเจ้าแผ่นดินใหม่ที่จะขึ้นเสวยราชสมบัติมาแต่ครั้งสมัยโบราณกาล 


โบราณสถานที่สำคัญภายในวัด ได้แก่ ปรางค์ประธาน ที่ก่อด้วยศิลาแลงฉาบปูนเสร็จแล้วลงสีชาดทับ มีลักษณะรูปแบบสถาปัตยกรรมจัดอยู่ในสมัยอยุธยาตอนต้น ภายในองค์พระปรางค์มีสถูปดอกบัวตูมขนาดเล็ก โผล่ขึ้นมาคล้ายกับถูกสร้างครอบทับเอาไว้ ซึ่งน่าจะบรรจุสิ่งของสำคัญสำหรับการบูชาอยู่ ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "หัวใจพระพุทธเจ้า" และตามผนังภายในองค์พระปรางค์นี้ พบว่ามีร่องรอยคงเดิมมีจิตรกรรมฝาผนัง เขียนด้วยสีแดงแบบโบราณ ลายพรรณพฤกษา แต่ได้ลบเลือนไปมากแล้วค่ะ


ลักษณะฐานของพระปรางค์องค์นี้ บริเวณเรือนธาตุด้านหน้ามีบันไดขึ้นองค์ปรางค์สู่ซุ้มโถง และยังมีบันไดขึ้นองค์ปรางค์ได้อีกด้วยนะคะ ภายในได้ก่อผนังทึบ และเจาะช่องแสง โดยฐานปรางค์ได้แผ่ขยายกว้างออกไปทั้ง 3 ด้าน ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ปางมารวิชัย ประทับอยู่ตรงกลางขนาบด้วยพระพุทธรูปขนาดเล็กประทับยืนทั้ง 2 ข้าง ถัดจากพระพุทธรูปปางมารวิชัยทางด้านขวามือ มีพระพุทธรูปปูนปั้นปางลีลาที่มีลักษณะงดงามมาก


พระธาตุมุเตา อยู่ทางด้านหลังปรางค์ประธาน อยู่นอกกำแพงแก้ว แต่ยังล้อมรอบด้วยกำแพงศิลาแลงที่เป็นแท่งสี่เหลี่ยม ตามตำนานเล่าว่า เป็นเจดีย์ที่พระเจ้าฟ้ารั่ว ซึ่งเป็นกษัตริย์มอญเป็นผู้สร้างขึ้น และตั้งชื่อตามพระธาตุมุเตาที่หงสาวดี โดยลักษณะพระธาตุมุเตาก่อด้วยศิลาแลงรูปแปดเหลี่ยม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 22 เมตร ซ้อนกัน 4 ชั้น เป็นเจดีย์ที่ไม่มียอดค่ะ เพราะได้ชำรุดหักพังไปหมด 


มณฑปพระอัฎฐารส อยู่ทางด้านหลังของพระธาตุมุเตา สันนิษฐานว่า เดิมนั้นเป็นมณฑปพระสี่อิริยาบถ มีพระพุทธรูปประทับยืนทางด้านทิศเหนือ แต่ปัจจุบันปรากฎว่าองค์ด้านซ้าย องค์ด้านหลัง และองค์ด้านขวาได้หักพังเสียหาย ต่อมาได้มีการบูรณะให้เหลือเพียงองค์พระอัฏฐารสเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นเพียงพระองค์เดียวค่ะ 


ถัดมาทางด้านซ้ายของพระอัฏฐารส จะเป็นวิหารสองพี่น้อง ก่อด้วยศิลาแลง มีพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย จำนวน 2 องค์ ประทับอยู่บนแท่น จากการขุดค้นทางโบราณคดี พบว่าฐานวิหารสองพี่น้องได้ก่อทับโบราณสถานที่ก่ออิฐ ข้างขวาพระวิหารหลวงพ่อสองพี่น้องพบฐานรอยพระพุทธบาทอีกด้วย โดยลักษณะพระพุทธรูปทั้งสอง เป็นพุทธศิลป์แบบสุโขทัยที่มีความงดงามอย่างยิ่งค่ะ แต่จากชาวบ้านได้เล่ามาว่า กรมศิลปากรได้ตัดเศียรพระองค์น้องหรือองค์ด้านหน้าเอาของจริงไป แต่ได้ปั้นของใหม่มาสวมแทน แต่หลังจากนั้นก็มีคนร้ายได้มาหักนิ้วพระพุทธรูปให้ได้รับความเสียหายอีกด้วย


ด้วยอำเภอศรีสัชนาลัย เป็นเมืองเชลียงและเป็นเมืองเก่านั้น มีผู้คนจำนวนมาก ได้อยู่อาศัยมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ จนสมัยสุโขทัยได้เป็นเมืองใหญ่ มีหลักฐานทางโบราณสถานที่ปรากฏอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะสถาปัตยกรรม ของพระปรางค์เจดีย์ทรงดอกบัวตูมที่งดงาม จนได้รับการประกาศให้เป็นหนึ่งในมรดกโลก ทำให้วันนี้เรามีโอกาสได้มาชมและสัมผัสกับสถานที่แห่งนี้ ทำให้รู้ว่าที่นี่มีจุดที่น่าสนใจเต็มไปหมดเลยค่ะ 


ภายในวัดพระปรางค์ มีการดูแลทำความสะอาดเรียบร้อยเป็นอย่างมาก ที่นี่ไม่มีค่าเข้าชมสถานที่นะคะ ถ้าจะชมให้ทั่วและเน้นถ่ายภาพเก็บรายละเอียด ก็จะใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆ วันที่เรามาที่นี่ท้องฟ้าไม่ค่อยเป็นใจนัก ฟ้าครึ้มตั้งแต่เช้า แต่ก็ถือว่ายังมีความโชคดีมาก ที่ฝนไม่ตกเสียก่อนค่ะ แห่ะๆ ก่อนจะกลับเราไม่ลืมที่จะแวะเข้าไปกราบพระในโบสถ์นะเออ โดยมีหลวงพ่อพุทธเรืองฤทธิ์ประดิษฐานเป็นพระประธาน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยค่ะ เมื่อถึงเวลากลับแล้วจริงๆ อย่าลืมเลี้ยวรถไปถ่ายรูปเช็คอินกับสะพานปูนสีเขียวนะคะ เป็นอีกจุดไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดค่ะ แฮ่ๆ