อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล จันทบุรี



อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล เป็นอาสนวิหารประจำมิสซังโรมันคาทอลิก ตั้งอยู่ในบริเวณโรงเรียนสตรีพิทักษ์ ฝั่งตรงข้ามชุมชนเก่าแก่จันทบูร ตำบลจันทนิมิต อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี นับเป็นหนึ่งในวิหารที่มีความสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทยก็ว่าได้ ซึ่งวิหารแห่งนี้มีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 เป็นอาสนวิหารที่อยู่คู่ชุมชนชาวจันทบูรมาอย่างช้านาน และจัดเป็น Unseen แห่งหนึ่งของจังหวัดจันทบุรีค่ะ ที่นักท่องเที่ยวต่างหลั่งไหลแวะเวียนมาไม่ขาดสาย โดยเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00 - 18.00 น.


จริงๆ ประวัติการก่อสร้างมีมาอย่างยาวนานกว่า 300 ปีแล้วค่ะ โดยครั้งแรกได้สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2254 บริเวณฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจันทบุรี โดยมีคุณพ่อเฮิ้ต โตแลนติโน และบรรดาคาทอลิกชาวญวนทั้งหลาย จนถึงปี พ.ศ.2377 ได้มีการย้ายมาสร้างฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจันทบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งในปัจจุบันนี้ โดยมิได้มีการบันทึกถึงสาเหตุของการย้ายแต่ประการใด และต่อมาในปี พ.ศ.2446 ได้มีการก่อสร้างโบสถ์หลังปัจจุบันขึ้นมา ให้มีขนาดใหญ่กว่าโบสถ์หลังเก่า เพื่อรองรับกับจำนวนคริสต์ศาสนิกชนที่ได้เพิ่มขึ้น โดยมีลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบโกธิค


อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล นับเป็นหนึ่งในวิหารที่มีความสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย และยังเป็นโบสถ์ระดับชั้นอาสนวิหารแห่งเดียว ของฝั่งตะวันออกของประเทศไทยอีกด้วยค่ะ โดยมีจุดเด่นที่ชัดเจน คือ ยอดแหลมบนหอระฆังทั้ง 2 หลัง ซึ่งยอดโดมปลายแหลมบนอาสนวิหารฯ เคยถูกถอดออกเมื่อครั้งสมัยพิพาทอินโดจีน เมื่อปี พ.ศ.2483 เพื่อไม่ให้เป็นเป้าหมายในการโจมตีทางอากาศ และยอดแหลมได้ถูกนำมาใส่อีกครั้ง เมื่อปี พ.ศ.2552 เนื่องในโอกาสฉลองอาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล 100 ปีค่ะ และบริเวณด้านหน้าใต้โดมของโบสถ์ เป็นหอคู่สูงเด่น มีนาฬิกาบอกเวลาขนาดใหญ่ ที่สามารถมองเห็นได้ในระยะเลยทีเดียว


โบสถ์แห่งนี้เป็นศูนย์รวมจิตใจ ของผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก  มีขนาดความยาว 60 เมตร และความกว้าง 20 เมตร สร้างด้วยสถาปัตยกรรมศิลปะตะวันตกแบบโกธิก เชื่อกันว่าได้รับการจำลองแบบมาจาก วิหารน็อตเตอร์ดามแห่งฝรั่งเศสค่ะ ภายในโบสถ์เป็นห้องโถงขนาดใหญ่ ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม มีการตกแต่งเพดานเป็นรูปท้องเรือโนอาห์ กลางพระแท่นมีไม้กางเขนประดิษฐานอยู่ตรงกลาง อันเป็นสัญลักษณ์ของศาสนาคริสต์ค่ะ และมีภาพกระจกสีสเตนกลาสเป็นรูปนักบุญต่างๆ ในศาสนาคริสต์ ติดอยู่บริเวณเหนือพระแท่น และเหนือบริเวณหน้าต่างทั้งทางด้านขวา และทางด้านซ้ายของโบสถ์ด้วยค่ะ


และส่วนที่สวยงามที่สุดภายในโบสถ์ คือ บริเวณด้านหน้าพระแท่นที่ประดับด้วยรูปปั้นพระนางมารีอาฯ ซึ่งเป็นพระมารดาของพระเยซูในศาสนาคริสต์ ที่ตกแต่งด้วยพลอยกว่า 200,000 เมตร หรือกว่า 2 หมื่นกะรัตค่ะ บริเวณฐานซึ่งหล่อด้วยเงินบริสุทธิ์ ประดับองค์ด้วยทองคำบริสุทธิ์ และพลอยบริสุทธิ์ชนิดต่างๆ เพื่อเทิดพระเกียรติให้กับแม่พระ ซึ่งเป็นผู้ที่บริสุทธิ์ ให้มีความสง่างามต่อผู้ที่ได้พบเห็น เกิดความเลื่อมใสศรัทธา และเป็นอนุสรณ์แก่คนรุ่นหลังอีกด้วย วิหารแห่งนี้ยังได้รับรางวัลอนุรักษ์อาคารดีเด่น ประจำปี 2542 จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์อีกด้วยนะคะ


รอบตัวโบสถ์ภายในมีบานหน้าต่างทรงสูง ลักษณะยอดโค้งแหลมถูกประดับด้วยกระจกสีสเตนกลาส ที่เป็นรูปนักบุญต่างๆ ที่มีความงดงาม และมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ยิ่งนัก ซึ่งกระจกสียังช่วยให้แสงผ่านเข้ามาภายในตัวโบสถ์ได้อีกด้วย ซึ่งโบสถ์แห่งนี้มีขนาดใหญ่ และมีความเก่าแก่ และมีความงดงามมากที่สุดในประเทศไทยก็ว่าได้ ภายในตัวโบสถ์มีบรรยากาศเงียบสงบร่มเย็น และมีมนต์ขลังมากๆ ค่ะ แม้ว่าภายนอกในช่วงเวลากลางวันจะร้อนไปสักนิด ซึ่งช่วงเวลาที่ถ่ายภาพตัวโบสถ์แบบไม่ย้อนแสง จะเป็นช่วงเวลาบ่าย ภาพที่ใครๆ ต้องมี คือ รูปปั้นพระแม่ฯ อยู่ด้านหน้า และเบื้องหลังเป็นตัวโบสถ์ โดยมีท้องฟ้าที่มีสีฟ้าสดใส บอกเลยว่าถึงจะร้อนเพียงใด ภาพนี้ใครๆ มาต้องมีนะเออ