สำหรับค่ำคืนนี้เราเข้าพักที่
อูปแก้วรีสอร์ท ซึ่งมีความสวยงามและมีความโดดเด่นเฉพาะตัว
ที่คนในพื้นที่ได้กล่าวไว้อย่างนั้น และเขาก็ได้บอกกับเราอีกว่า
เดินทางมาถึงอำเภอปัวทั้งที ควรถือโอกาสนอนพักที่นี่สักคืน เพื่อดื่มด่ำและสัมผัสกับบรรยากาศที่สวยงาม
และเต็มเปี่ยมไปด้วยธรรมชาติที่บริสุทธิ์ ซึ่งเราเองก็เห็นด้วย เพราะหากให้ขับรถตีกลับไปนอนที่เมืองน่านคงจะไม่ไหวแน่ๆ
อูปแก้ว รีสอร์ท
นับว่าเป็นสถานที่พักอันยอดเยี่ยมสำหรับผู้คนที่ได้เดินทางมาเยือนอำเภอปัวก็ว่าได้
สถานที่กว้างขวาง มีลานจอดรถมากมาย และอยู่ในทำเลที่สะดวกสบายที่สามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ
ได้อย่างง่ายดายค่ะ
สิ่งแรกที่เรามาถึงและสามารถสัมผัสได้ในทันที
คือ ที่นี่เป็นรีสอร์ทที่เงียบสงบ ไม่พลุกพล่าน มีความสดชื่นด้วยแมกไม้นานาพันธุ์
ไม่ว่าจะเป็นไม้ดอกไม้ประดับที่ปลูกไว้ได้อย่างสวยงาม ที่บ่งบอกถึงการดูแลเป็นอย่างดี
ที่พักที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารไม้ที่สร้างขึ้นอย่างสวยงามในสไตล์ล้านนา
อาคารไม้ได้ถูกแกะสลักสวยงามบ่งบอกถึงความพิถีพิถันเช่นเดียวกัน อูปแก้วรีสอร์ทอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ
ขุนเขา แม่น้ำ และสายหมอก เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความเป็นธรรมชาติ
ที่ต้องการเน้นความเรียบง่ายแต่มีคลาส หากต้องการหลีกหนีความจำเจกับที่พักแบบเดิมๆ
แล้วมาอิ่มเอมกับการพักผ่อนท่ามกลางวัฒนธรรมวิถีชีวิตของชาวเหนือที่หาดูได้ยาก สามารถมาสัมผัสสิ่งเหล่านี้ ... ได้จากที่นี่ค่ะ
เรือนบุษราคัมหลังนี้จะเป็นที่พักสำหรับค่ำคืนนี้ของเรา
เป็นเรือนสไตล์โรงแรมมี 3 ชั้น ทำด้วยไม้สักทั้งหลัง มีห้องพัก 2 แบบ คือ Standard และ Deluxe ซึ่งบ้านพักที่นี่มีให้เลือกหลายแบบหลายสไตล์ค่ะ
สามารถจับจองได้ตามความต้องการ ไม่ว่าคุณจะมาพักเดี่ยว พักคู่ ครอบครัว
หรือมาแบบหมู่คณะ ที่นี่รับได้หมดนะคะ เพียงเราเปิดประตูเข้าไป ก็ถึงกับตะลึงกับความกว้างขวางของขนาดห้องพัก ซึ่งห้องนี้ไม่รู้เปิดขายในราคาเท่าไหร่นะคะ เพราะค่าใช้จ่ายเรื่องที่พักมีฝ่ายดูแลค่ะ ห้องนอนกว้างมากๆ
หากมีเด็กสามารถวิ่งเล่นได้สบายเลย ส่วนเตียงก็ใหญ่มากเช่นกัน
คืนนี้คงจะนอนหลับสบาย อิอิ
เห็นแล้วเราอยากจะกระโดดสัมผัสความนุ่มของเตียงให้คลายความเมื่อยล้าสักหน่อย แต่จริงๆ แล้ว
เพียงแค่เราเห็นห้องพักที่สวยงามผ่านการตกแต่งอย่างประณีต เราก็ลืมความง่วงนอนเป็นปลิดทิ้งแระ
ก่อนอื่นต้องเก็บภาพก่อนนะ ฮ่าๆ
ถ่ายภาพมาให้ชม 2 มุมมองนะคะ ระหว่างเปิดม่านโดยใช้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาภายในห้องกับการปิดม่านและเปิดไฟค่ะ ซึ่งภาพที่ออกมาได้ 2 บรรยากาศ 2 อารมณ์ แต่ความสวยยังคงเดิม เพิ่มเติมความโรแมนติกขึ้นมาเป็นกอง บอกเลยว่าสวย
ดูดี และคลาสสิคมากๆ การตกแต่งภายในห้องพักที่นี่ตามแบบฉบับบ้านเรือนไทย คือ เน้นเฟอร์นิเจอร์ไม้
ปูพื้นไม้
ถึงแม้จะเป็นบ้านเรือนไทยแต่ห้องนี้ก็ยังผสมผสานความร่วมสมัยไว้ได้อย่างลงตัวเหมือนกัน
ด้วยการเลือกใช้บานกระจกใสมาติดเป็นประตูด้านหลังที่สามารถเดินออกไปยังระเบียงที่สามารถสัมผัสกับผืนป่าที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ส่วนแต่ละมุมภายในห้องก็ได้รับการตกแต่งด้วยความประณีตและใส่ใจในทุกรายละเอียด
ส่วนผนังที่ติดกับห้องน้ำซึ่งเป็นช่องคล้ายกับหน้าต่างก็ประดับด้วยกระจกหลากสี
เพื่อให้ห้องดูดีและสดใสไปอีกแบบ ไม่ว่าจะเป็นกระจกสีฟ้า สีเขียว และสีขาว
ที่เป็นเทคนิคตามแบบฉบับของงานช่างสมัยเก่าค่ะ
ภายในห้องพักนอกเหนือจากเนื้อที่กว้างขวางแล้ว
ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่ทำให้การเข้าพักของเราสามารถเพลิดเพลินกับการพักผ่อนอย่างดีที่สุด
ที่ทางรีสอร์ทได้เลือกสรรรและจัดเตรียมไว้ให้ในระดับการบริการแบบมืออาชีพ เช่น
เครื่องปรับอากาศ ทีวี LCD เครื่องทำน้ำอุ่น กระติกน้ำร้อนที่มาพร้อมกับ ชา
กาแฟ ที่สามารถชงดื่มได้ทุกเมื่อ และที่ขาดเสียไม่ได้เลย คือ Free WiFi Internet และไฮไลท์สำหรับห้องนี้ที่เราไม่แน่ใจนว่าห้องอื่นมีหรือป่าว
ที่จะต้องนำเสนอ คือ อ่างอาบน้ำจากุซซี่ เอ้ยม่ะช่าย ฮ่าๆ
อ่างอาบน้ำแบบธรรมชาติและคลาสสิคมากๆ เลย เพียงเราเกิดก๊อกน้ำ
น้ำก็จะไหลผ่านกระบอกไม้ไผ่ลงมา แต่ว่าน่าเสียดายอยู่สองข้อค่ะ คือ
น้ำไหลน้อยไปและน้ำเย็นมาก หุหุ
แต่เราชอบมากที่สุดตรงที่มีระเบียงที่ปูด้วยพื้นไม้ให้นั่งเล่นได้
บอกได้คำเดียวเลยค่ะ ช๊อบชอบ เราขอเวลานอกอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อคลายเหนื่อยล้าก่อนนะคะ
แล้วเราจะพาออกไปเดินเล่นชมดอกไม้ในสวนกัน
อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วสดชื่นขึ้นมาเป็นกองเลยค่ะ
พร้อมแล้วหรือยังที่จะไปเดินเล่นและเดินชมดอกไม้ในสวนไปกับเรา ใครยังไม่พร้อม
เราไม่รอแล้วนะ สองเท้าก้าวเดินไปกับกล้องคู่ใจ มองอะไร เจออะไร ถ่ายไม่ยั้ง
(ไม่ยั้งคิด ฮ่าๆ) รีสอร์ทแห่งนี้ถ้าให้กะด้วยสายตาน่าจะมีเนื้อที่ประมาณสิบไร่ได้ค่ะ
ซึ่งแต่ละโซนก็ได้มีการจัดวางและปลูกสิ่งก่อสร้างไว้อย่างลงตัวสถานที่กว้างขวางแบบนี้
เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเดินเล่นทอดน่องสูดอากาศบริสุทธิ์ สองเท้าที่ก้าวเดินไปกับรองเท้าแตะหูคีบตามเส้นทางที่ปูด้วยแผ่นซีเมนต์เป็นทางเดินที่ทอดยาวไปเบื้องหน้า
ทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตนี้ ยังมีอะไรมากมายนักที่ทำให้เราต้องเรียนรู้ไปกับมัน
สองข้างทางที่เราเดินผ่านมา ต้องผ่านเรือนมรกตและเรือนเฟื่องฟ้า
ซึ่งแต่ละเรือนก็มีความแตกต่างกันออกไป เช่น เรือนเฟื่องฟ้า เป็นเรือนบ้านเดี่ยวแบบ 2 ห้องติดกัน และมีเฉพาะเตียงเดี่ยวเท่านั้น สามารถสัมผัสกับธรรมชาติด้านข้างและด้านหลังได้
ส่วนเรือนมรกตนั้นมีลักษณะเป็นห้องพักแบบเตียงคู่และเตียงเดี่ยว สามารถสัมผัสธรรมชาติได้ทางด้านหน้าค่ะ
ที่สามารถมองเห็นภูเขาและทุ่งกว้างได้ ซึ่งแต่ละเรือนของที่นี่ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี
เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ซึมซับกับธรรมชาติให้มากที่สุด
ที่นี่มีบริเวณกว้างมีดอกไม้สวยๆ
มากมาย ดอกไม้นานาพันธุ์หลากหลายสีสัน หลากหลายรูปร่าง บางดอกมีกลิ่น บางดอกก็ไม่มีกลิ่น บางดอกมีคมหนาม แต่นั่นก็คือสิ่งที่ทำให้ดอกไม้แต่ละชนิดมีเสน่ห์ในตัวของมันเอง
ดอกไม้เป็นพืชที่สวยงามและส่งกลิ่นหอม ช่วยในการเติมสีสันให้โลกใบนี้น่าอยู่ขึ้น
แต่ละสถานที่จึงได้ปลูกไม้ดอกไว้ประดับบ้านเรือน อูปแก้วรีสอร์ทก็เช่นเดียวกัน
มีดอกไม้ให้เราได้ยลโฉมเยอะแยะเต็มไปหมด ทำให้ผู้ที่แวะมาพักผ่อนที่แห่งนี้
รู้สึกสดชื่อเบิกบานใจกับบริเวณที่สวยงาม และไม่ใช่เราเพียงคนเดียวที่เลือกออกมาเดินเล่นแทนที่จะนอนพักผ่อนภายในห้องนอนกับอากาศเย็นด้วยแอร์คอนดิชั่น การถ่ายรูปของเราเป็นงานอดิเรกที่ทำให้เรามีความสุขไปกับมัน
การออกมาเดินเตร็ดเตร่ถ่ายโน่นนี่นั่น ไม่ได้ทำให้เรามีอาการเคอะเขินแต่อย่างใด
เพราะว่าแต่ละคนก็ออกมาถ่ายรูปกันทั้งนั้น เพราะเวลานี้แสงกำลังดีค่ะ
โดยไม่ต้องปรับโหมดอะไรมากมาย
ถ่ายไปถ่ายมาได้เพื่อนแปลกหน้าแลกเปลี่ยนมุมมองการถ่ายภาพอีกด้วย แฮ่ๆ
ผู้หญิงก็เปรียบเสมือนกับดอกไม้ที่ต้องการน้ำ
ต้องการแสงแดด ต้องการการเอาใจใส่ดูแล และต้องการความถนุถนอม
ซึ่งดอกไม้มีหลายชนิดแต่ละชนิดแตกต่างกันออกไป บางดอกสวยสะดุดตา
บางดอกมีกลิ่นหอมชวนดม บางดอกมีพิษร้าย แต่มีสิ่งหนึ่งที่ดอกไม้ทุกดอกเหมือนกัน
คือ ต้องการคนดูแลที่พร้อมที่จะปกป้องดอกไม้ไม่ให้บอบช้ำ บางดอกมีก้านชูดอก
และมีกลีบเลี้ยงที่ทนทานเหมือนกับมันแข็งแกร่ง สามารถยืนด้วยก้านชูดอกของมันเองได้
แต่ในความเป็นจริงมันก็เป็นเพียงดอกไม้ที่บอบบางอยู่ในส่วนลึก
ที่ยากแก่การมองเห็นด้วยสายตา สักวันมันคงต้องล้มลงและเฉาตาย
หากไม่มีใครมาบังแดดบังฝน หรือรดน้ำพรวนดินใส่ปุ๋ยให้ เฮ้ย!! เพ้ออะไรของเธอห๊า
อาการกำเริบอีกแระ ไปรับยาช่อง 3 ให้ว่องเลยนะ ฮ่าๆ
อูปแก้วรีสอร์ท
ชื่อนี้มีความเป็นมาว่า อูปแก้วนั้นมาจากนามสกุลเจ้าของรีสอร์ทค่ะ
และคำนี้ก็หมายถึง พระอบแก้วซึ่งใส่พวกเพชรนิลจินดาในสมัยโบราณ
และอีกความหมายถึงในภาษาเหนือ ก็คือ กูบช้าง กูบม้า
ที่เอาไว้ให้พระมหากษัตริย์นั่ง
เมื่อทราบถึงความเป็นมาของชื่อเสียงเรียงนามของรีสอร์ทกันแล้ว เราจะเดินกันอีกสักหน่อยก่อนที่เราจะขอตัวไปพักผ่อนแล้วนะคะ
นอกจากนั้นที่นี่ยังเอาใจคนโลกออนไลน์กันน่าดูเลยค่ะ สังเกตที่มีมุมน่ารักๆ เก๋ๆ
ไว้ให้ถ่ายภาพกันอย่างสนุกสนาน
ทั้งแชร์ทั้งเช็คอินไม่ให้ตกเทรนด์สู่โลกโซเซียลได้ทันที ไม่ว่าจะ Facebook Instagram Line ส่งให้เพื่อนๆ ได้อิจฉาตาร้อนผ่าวกันเล่นๆ นะเออ
บันทึกเล็กๆ
ของนักเดินทางคนหนึ่ง อาจจะดูง่ายๆ ธรรมดาๆ และไม่มีความสำคัญอะไรนัก แต่สิ่งที่เราได้ออกเดินทางและพบเจออะไรมากมาย
เราก็อยากจะเก็บสิ่งเหล่านั้นไว้ในความทรงจำดีดี เก็บไว้ในไอดารี่ออนไลน์แห่งนี้
เมื่อวันเวลาผ่านไป เราได้ย้อนกลับมาอ่านอีกครั้ง เราเชื่อว่า
วันนั้นต้องมีรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้าของเราอย่างแน่นอนค่ะ .... A good Time For Me
เบอร์โทรศัพท์ 054 - 756587 – 9 , 081 – 7648685
ที่ตั้ง หมู่ 5 ตำบลวรนคร อำเภอปัว จังหวัดน่าน
อีเมล oopkaew@hotmail.com
เว็บไซต์ http://www.oopkaewresort.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น