ปิล็อกดินแดน 399 โค้ง โดยมีป้ายการันตีปักไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยว อยู่บริเวณด้านซ้ายมือ หน้าปากทางเข้าหมู่บ้านอีต่อง ซึ่งเราเองก็ไม่ทราบเช่นกัน ว่าตลอดระยะเวลาที่ขับรถขึ้นมา เราผ่านมาทั้งหมดกี่โค้ง จนมาพบเจอป้ายดังกล่าว ถึงกับร้องอู้หูเลยทีเดียว ต่อไปนี้เราจะมาว่าการเดินทางกันนะคะ การเดินทางของเราเริ่มสตาร์ทกันที่ตลาดทองผาภูมิ ตำบลท่าขนุน เพื่อเดินทางสู่หมู่บ้านอีต่อง ตำบลปิล็อก มีระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร เราใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง
การเดินทางใช้ถนนผ่านเขื่อนวชิราลงกรณ์ ขับรถไปได้สักระยะเราก็จะพบกับชุมชนบ้านท่าแพ ถ้าใครไม่เร่งรีบ หรือทำเวลาในการเดินทางมากนัก เลี้ยวรถเข้าไปซอยท่าแพ 4 ชมบรรยากาศริมทะเลสาบเขื่อนวชิราลงกรณ์ดูนะคะ สำหรับเราชอบเดินทางแบบเรื่อยๆ มากกว่า ชอบเก็บภาพชมบรรยากาศระหว่างทาง ทำให้เราได้สัมผัสกับวิถีชีวิตชาวบ้านพื้นที่มากขึ้น แหม!! ทำยังกะจะมาหาเสียงอย่างนั้นเลย ฮ่าๆ ที่นี่มีบริการล่องแพและมีบ้านพักสำหรับผู้ที่สนใจด้วยนะคะ สามารถสอบถามจากชาวบ้านละแวกนี้ได้เลยค่ะ
ที่นี่สามารถเช่าแพ และล่องในทะเลสาบเหนือเขื่อนได้นะคะ มีให้เลือกทั้งแบบแพพักและแพล่อง มีมากมายหลายเจ้า ส่วนใหญ่จะเป็นของชาวบ้านละแวกนี้ทั้งนั้น บรรยากาศโดยรอบสวยงาม ภายในทะเลสาบยังมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ฟินกันอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการล่องเรือชมทิวทัศน์เหนืออ่างเก็บน้ำ การชมสวนมะพร้าวกะทิบนเกาะกลางน้ำ การตกปลา พายเรือ ชมพระอาทิตย์ยามเย็น ฯลฯ คราวหน้าเราตั้งใจว่าจะมาสัมผัสกับกิจกรรมเหล่านี้บ้างแล้ว เพราะที่นี่สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดปีไม่มีเอ้าท์นะจ้ะ
เมื่อออกจากชุมชนบ้านท่าแพแล้ว เราก็มุ่งหน้าเดินทางต่อไป โดยตลอดเส้นทางประมาณ 30 กิโลเมตร จะเป็นถนนลาดยางอย่างดี แต่พอเลยช่วงนั้นไปแล้วถนนทางขึ้น ไปยังหมู่บ้านอีต่องค่อนข้างแคบ และขรุขระเป็นบางช่วง ค่อนข้างอันตรายในการกรณีที่มีรถสวนทาง เพราะเป็นดินแดน 399 โค้ง ต้องมีการชะลอถ้อยทีถ้อยอาศัยกันนะคะ สำหรับรถเก๋งและรถเล็กสามารถไปได้ค่ะ
ระหว่างการเดินทางเราสามารถสัมผัสธรรมชาติที่เขียวขจี ที่บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ ได้ตลอดสองข้างทางค่ะ ว่าแล้วแวะกันสักหน่อยนะคะ เพราะจุดนี้สามารถรับสัญญาณโทรศัพท์ทั้ง 3 เครือข่ายได้นะเออ แวะชมทัศนียภาพกันไปเรื่อยๆ ที่สำคัญแวะเช็คอินทิ้งร่องรอยกันสักหน่อย เดี๋ยวไม่มีใครรู้ว่าเราอยู่ที่ไหน ฮ่าๆ เราจะบอกว่าสัญญาณดีแทคเริ่มเบาบางตั้งแต่ผ่านเขื่อนวชิราลงกรณ์แล้วค่ะ ส่วนค่าย AIS ก็เริ่มจะไม่เสถียรเช่นกัน อิอิ และที่สำคัญเป็นการพักรถพักคน พร้อมยืดเส้นยืดสายไปในตัว หลังจากถูกเหวี่ยงซ้ายเหวี่ยงขวามาไม่รู้กี่โค้งแล้ว ฮ่าๆ
แม้เส้นทางอาจจะทุลักทุเลไปบ้าง เพราะต้องพิชิตเส้นทาง 399 โค้ง เพื่อไปให้ถึงจุดหมายที่ตั้งใจไว้ และต้องใช้เวลาในการเดินทางมากกว่าปกติ แต่เราคิดว่าก็ไม่เป็นอุปสรรค สำหรับนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจจะเดินทาง ไปให้ถึงหมู่บ้านอีต่องค่ะ แต่เราโชคดีมากที่เลือกวันเดินทางเป็นวันธรรมดา จึงไม่ค่อยมีรถขับสวนทางกันเท่าไหร่ แม้จะไม่มีเพื่อนร่วมทาง อาจจะอ้างว้าง ดูเปลี่ยวไปบ้างในบางช่วง แต่ถ้ามั่นใจในสมรรถนะของรถว่าจะไม่งอแง ก็ไม่มีอะไรน่ากังวลค่ะ ยังคงแวะจุดชมวิวอยู่เรื่อยๆ ไม่มีนัดกับใคร ก็เถลไถลไปพลางๆ ฮ่าๆ
ปิล็อกดินแดน 399 โค้ง ถือว่าเป็นความยาวนานที่บอบช้ำบั้นท้ายที่สุด รองลงมาจากแม่ฮ่องสอนก็ว่าได้ เพราะระยะทาง 60 กิโลเมตร บนถนนเส้นทางเสมือนงูเลื้อย ที่ใช้เวลาไปทั้งสิ้น 2 ชั่วโมง หากเป็นถนนปกติเราใช้เวลาในการเดินทาง ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการเดินทางค่ะ เพราะมีจุดชมวิว ให้เราได้แวะอย่างจุใจตลอดเส้นทาง เราจึงไม่แปลกใจที่ทำให้ผู้คนมากมายต่างมุ่งมั่น มาชมหมู่บ้านอีต่อง ที่เป็นหมู่บ้านท่ามกลางหุบเขา และสายหมอกสุดเขตแดนตะวันตก ที่ถูกขนานนามสถานที่แห่งนี้ว่า เป็นสวิสเซอร์แลนด์เมืองไทย
และในที่สุดเราก็เดินทางผ่านดินแดน 399 โค้ง มาถึงหมู่บ้านอีต่องจนได้ ซึ่งบ้านอีต่อง เป็นหมู่บ้านเล็กๆ มีเพียงบ่อน้ำ ตลาด วัด เหมือง ร้านอาหาร และโฮมสเตย์ แต่ที่นี่มีความพิเศษตรงที่มีอากาศดีตลอดปีค่ะ เพราะถูกโอบล้อมด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ จนถูกขนานนามว่าเป็นสวิสเซอร์แลนด์เมืองไทย ซึ่งระยะทางจากกรุงเทพมาถึงปิล็อกประมาณ 370 กิโลเมตรเท่านั้น และปัจจุบันที่นี่ยังเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวหลายๆ คน ต่างต้องการมาสัมผัสบรรยากาศที่นี่กันสักครั้ง ซึ่งในบล็อกหน้าเราจะมาเล่า และเก็บภาพหมู่บ้านอีต่องมาให้ได้ชมกันนะคะ