วิหารเซียน แหล่งรวมเทพเจ้าศิลปะชั้นยอด ชลบุรี



วิหารเซียน มีชื่อเป็นภาษาจีนว่า ต้า ผู่ อี่  ซึ่งได้ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 9 ในโอกาสเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ ใช้เวลาในการก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ประมาณ 4 ปีกว่า  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า พระราชทานนามให้กับวิหารเซียนแห่งนี้ว่า  "อเนกกุศลศาลา"  ส่วนชื่อ "วิหารเซียน"  เป็นชื่อที่สมเด็จพระสังฆราชได้ตั้งให้ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ยังได้เสด็จพระราชดำเนิน ทรงเปิดอาคารอเนกกุศลศาลาด้วยพระองค์เอง ในปี พ.ศ. 2536 อีกด้วยนะคะ และได้เปิดให้ประชาชนเข้าชมอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2536




วิหารเซียน  ได้เริ่มการก่อสร้างด้วยการริเริ่มจากอาจารย์สง่า กอบกุลเกียรติ  ซึ่งเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง และเป็นผู้ที่ชำนาญในทางด้านภูมิศาสตร์ หรือ ศาสตร์ฮวงจุ้ยของจีน โดยอาจารย์สง่าเป็นคนจีนที่ดำเนินชีวิต ในประเทศไทยมาเป็นเวลานาน มีชื่อเสียงทั้งในประเทศจีนและประเทศไทย โดยเริ่มต้นท่านได้มาช่วยงานในวัดญาณสังวรารามวรวิหาร หลังจากนั้นก็ได้รับพระราชทานที่ดินจำนวน 7 ไร่ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยอาจารย์สง่าได้นำที่ดินผืนดังกล่าว มาพัฒนาและทำประโยชน์ เพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมไทยและจีน โดยเป็นแหล่งรวมศิลปกรรมไทย - จีน ที่เกี่ยวกับศาสนาพุทธ ขงจื้อ และเต๋า ไว้ด้วยกัน เพื่อเป็นที่ศึกษาหลักธรรมอย่างเป็นเอกภาพทุกศาสนาค่ะ




วิหารเซียน  เป็นสถานที่รวบรวมวัตถุโบราณ ที่หายากของสามศาสนา อย่างศาสนาพุทธ ขงจื้อ เต๋า ให้มาอยู่ในสถานที่เดียวกันนั้น เป็นเรื่องที่หาชมได้ยาก ล้วนเป็นศิลปะสุดยอดจากประเทศจีน ที่ไม่สามารถประเมินมูลค่าได้ ซึ่งศิลปกรรมบางส่วนทางรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้มอบให้แก่อาจารย์สง่า ทั้งสิ้นจำนวน 328 รายการด้วยกัน โดยเปิดให้เข้าชมทุกวัน วันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.00 - 17.00 น.ส่วนวันเสาร์ - อาทิตย์ 08.00 - 17.30 น. มีค่าเข้าชม สำหรับผู้ใหญ่ คนละ 50 บาท ส่วนเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี นักเรียน นักศึกษา และข้าราชการในเครื่องแบบ พระภิกษุ สามเณร แม่ชี และนักบวชในศาสนาอื่นๆ ไม่เสียค่าเข้าชมค่ะ คนไทยและต่างชาติ หลักเกณฑ์ค่าเข้าชมเหมือนกันค่ะ




วิหารเซียน  ตั้งอยู่ที่ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เป็นอาคารขนาดใหญ่ 3 ชั้น มีรูปทรงไปทางศิลปะแบบจีน เป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่ประชาชนต่างเดินทางมาขอพร ภายในวิหารกันอย่างคับคั่ง เพื่อความเป็นสิริมงคลกันอย่างไม่ขาดสาย สิ่งที่ประชาชนนำมากราบไหว้ ส่วนใหญ่จะเป็นผลไม้ ได้แก่ ส้ม  ฟักทอง ส้มโอ และกล้วยค่ะ




เมื่อได้ก้าวเท้าเข้ามาภายในตัวอาคาร เราก็จะพบกับความยิ่งใหญ่อลังการ กับวัตถุโบราณจำนวนมาก โดยเฉพาะรูปหล่อสำริดขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นเทวรูปหล่อสำริดของเทพเจ้าต่างๆ ของประเทศจีน โดยรูปหล่อเหล่านี้ที่เห็นมากมาย นับว่าเป็นของที่มีค่าทั้งสิ้น การเดินชมความรู้สึกไม่ต่างไปจากการเดินชมพิพิธภัณฑ์ ที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางจิตใจ ภายในอาคารชั้นที่ 1 มีสิ่งที่น่าสนใจมากมายเหลือเกินค่ะ เราไม่สามารถเก็บภาพมาได้หมดทุกซอกทุกมุมนะคะ แต่อยากให้เพื่อนๆ ได้ไปชมด้วยตัวเองมากกว่า ว่าวิหารเซียนแห่งนี้ มีความยิ่งใหญ่อลังการมากเพียงใด 




ปัจจุบันวิหารเซียนอยู่ภายใต้การดูแลของมูลนิธิอเนกกุศลศาลา ภายใต้มูลนิธิชัยพัฒนาค่ะ ครั้งหนึ่งอาจารย์สง่าได้เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการสร้างวิหารเซียนแห่งนี้ว่า "พัทยาเป็นเมืองโลกียชน การสร้างวัดวาอารามและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา ก็เพื่อชำระล้างจิตใจให้สะอาดและสดใสขึ้น และเพื่อเป็นแหล่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติได้เห็นถึงคุณงามความดีต่างๆ"






ภายในอาคารชั้นที่ 1  มีรูปปั้นศิลปะจีนต่างๆ อันได้แก่ เจ้าแม่กวนอิม เป้าบุ้นจิ้น ไซอิ๋ว สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้จำลอง และนอกจากนั้นบริเวณกลางห้องโถงยังมีการจัดแสดงรูปปั้นเทพเจ้าต่างๆ เช่น เจ้าแม่กวนอิม พระสังกจาย รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เครื่องดนตรี และชุดม้านั่งที่แกะสลักเป็นเรื่องราวของสามก๊กได้อย่างน่ามหัศจรรย์ มีจำนวนเยอะแยะมากมายนับไม่ถ้วนจริงๆ ค่ะ ซึ่งผลงานแต่ละชิ้นยังอยู่ในสภาพที่ดีมากๆ รูปปั้นต่างๆ แต่ละชิ้นได้ถูกจัดวาง ไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย และสถานที่ภายในก็ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ไม่มีฝุ่นแม้แต่น้อย บ่งบอกถึงการรักษาความสะอาดได้อย่างดีเยี่ยม




ซึ่งภายในอาคารชั้นที่ 1 มีบริเวณจัดแสดงกว้างขวางนัก และยังมีห้องต่างๆ จัดแสดงเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ แต่ห้องหนึ่งที่เราประทับใจมากๆ คือ ห้องที่จัดแสดงชุดพระเก้าอี้ประทับสำหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 9 เป็นงานแกะสลักของจีน ที่ทำขึ้นมาในราชวงค์เช็ง โดยเป็นเรื่องราวของสามก๊ก มีอายุมากกว่า 100 ปี และใช้เวลาในการแกะสลักถึง 7 ปีด้วยกัน มีความวิจิตรปราณีต โดยวัสดุที่ใช้เป็นไม้สื่อถังมู่ เป็นไม้ที่หายาก และมีราคาสูง เป็นไม้ที่ได้รับการอนุรักษ์ในประเทศจีน มีลายไม้ที่งดงาม ส่วนชดเก้าอื้มีความแปลกตรงที่ ปกติจะเป็นลวดลายรูปมังกร หรือสิงห์ เป็นองค์ประกอบ แต่เก้าอื้ชุดนี้ได้แกะสลักเป็นรูปช้าง เพื่อให้เหมาะสมกับราชวงศ์ไทยค่ะ




อาคารภายในชั้นที่ 2  เป็นสถานที่ประดิษฐานรูปหล่อปิดทองคำเปลวเซียนลื่อต่งปิง ซึ่งเป็นหนึ่งในแปดเซียนของลัทธิเต๋า ได้ถูกประดิษฐานในซุ้มไม้สัก แกะสลักลวดลายแบบจีน ที่ลงรักปิดทองอย่างงดงามเช่นเดียวกัน ส่วนด้านนอกเป็นลานขนาดกว้าง เป็นสถานที่จัดแสดงรูปหล่อท่ามวยจำลอง 18 พระอรหันต์แห่งวัดเส้าหลิน ที่มีท่วงท่าต่างๆ ในการฝึก เป็นงานชุดที่รัฐบาลกวางโจว ได้ร่วมกับรัฐบาลท้องถิ่นโฝวซาน มอบให้แก่อาจารย์สง่า ซึ่งเป็นงานที่มีความปราณีตจากงานปั้นระดับปรมาจารย์  โดยใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 2 ปีกว่า ถึงจะจัดทำเสร็จค่ะ




ส่วนอาคารภายในชั้นที่ 3  เป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธชินราชจำลอง โดยการปั้นและหล่อโดย จ่าสิบเอก ดร.ทวี บูรณเขตต์ ผู้ที่ได้รับการยกย่อง ว่าเป็นผู้ที่มีผลงานดีเด่น ทางวัฒนธรรมสาขาการช่างฝีมือแขนงช่างหล่อ ประจำปี 2526  ส่วนผนังรอบๆ ห้องมีภาพเขียนสีจิตรกรรมพระพุทธประวัติไว้อย่างสวยงาม ซึ่งชั้น 3 เป็นบริเวณชั้นบนสุด ด้านนอกยังเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของวิหารเซียนอีกด้วยนะคะ  ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลที่เราได้เก็บภาพมานี้ เป็นเพียงส่วนน้อยของวิหารเซียนค่ะ จริงๆ แล้วยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมายนัก ที่อยากให้ทุกๆ คนได้ไปสัมผัสด้วยตนเอง