ตลาดน้ำขวัญเรียม ตลาดน้ำใจกลางกรุงเทพฯ



ตลาดน้ำขวัญเรียม เป็นตลาดน้ำใจกลางกรุงริมคลองแสนแสบ ที่เชื่อมสองฝั่งคลองระหว่างวัดบำเพ็ญเหนือ และวัดบางเพ็งใต้ และเป็นจุดกำเนิดนิยายอมตะชื่อดังเรื่อง “แผลเก่า”  ซึ่งตัวเอกในเรื่องก็คือ "ขวัญและเรียม"  ซึ่งเป็นบทประพันธ์ของไม้เมือง จึงเป็นที่มาของชื่อตลาดน้ำขวัญเรียมแห่งนี้ โดยจำลองภาพชีวิตและประเพณีของชาวบ้านริมฝั่งคลอง ให้คนรุ่นหลังได้มีโอกาสได้มาสัมผัสกับวิถีชีวิตริมคลองแสนแสบในครั้งอดีต ที่กำลังจะถูกลบเลือนหายไปทุกที ตลาดน้ำขวัญเรียมเปิดให้บริการทุกวันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ สามารถมาสัมผัสได้ตั้งแต่เวลา 6.00 – 19.00 น. ซึ่งการเดินทางมาได้สองเส้นด้วยกัน คือ ถนนสุขาภิบาล 2 เลี้ยวเข้าซอยเสรีไทย 60 เข้ามาทางวัดบำเพ็ญเหนือ หรือมาจากถนนสุขาภิบาล 3 เลี้ยวเข้าซอยรามคำแหง 187 เข้าทางด้านวัดบางเพ็งใต้ค่ะ




การเดินทางมาตลาดน้ำขวัญเรียม เราสะดวกมาเส้นทางถนนเสรีไทย โดยเข้าทางวัดบำเพ็ญเหนือมากกว่า และจุดแรกก่อนที่จะเข้ามายังบริเวณตลาดน้ำขวัญเรียมจะมองเห็นป้ายตลาดน้ำขวัญเรียมที่ใครต่อใครจะต้องแวะมาเก็บภาพเป็นที่ระลึกกันแทบจะทุกคน ป้ายนี้ถือว่าเป็นป้ายยอดฮิตก็ว่าได้ เพราะเราเห็นคนรอจะถ่ายภาพนี้ยืนต่อคิวกันไม่ขาดสาย ป้ายนี้จะอยู่บริเวณสะพานปูนที่จะข้ามคลองระหว่างวัดบำเพ็ญเหนือและบางเพ็งใต้ และจุดอื่นๆ ยังมีมุมถ่ายภาพสวยๆ เก๋ๆ อีกมากมายหลายจุด สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะถ่ายภาพร่วมเฟรมและเช็คอินสู่โลกออนไลน์ มาตลาดน้ำแห่งนี้มีครบรสในทุกๆ เรื่องแน่นอนจ้า




หากให้ย้อนนึกถึงภาพทุ่งบางกะปิในยุคขวัญเรียมแล้ว คนยุคนี้ก็คงจะนึกไม่ออกกันแล้ว เพราะทุ่งบางกะปิในยุคปัจจุบันเต็มไปด้วยบ้านเรือนและรถราวิ่งกันขวักไขว่ รวมถึงผู้คนก็มากมาย แต่ก็ยังพอมีอยู่บางพื้นที่เท่านั้น ที่ยังคงรักษาความสงบไว้อยู่บ้าง นั่นก็คือ ละแวกริมคลองแสนแสบอันเป็นส่วนหนึ่งในตำนานของขวัญเรียม ชีวิตริมคลองแสนแสบแม้ว่าจะผันเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่ก็ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของวิถีชีวิตริมน้ำให้กับคนรุ่นหลังได้เห็นอยู่บ้าง ตลาดน้ำขวัญเรียมก็พยายามที่จะจำลองภาพชีวิตของชาวบ้าน และความสงบร่มรื่นของสายน้ำริมคลองแสนแสบเอาไว้ให้มากที่สุด




ตลาดน้ำขวัญเรียมยังมีกิจกรรมทำบุญตักบาตรริมน้ำด้วยนะคะ ในทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์เวลาประมาณ 07.30 น.  พระภิกษุจะนั่งเรือมาให้เราได้ใส่บาตรพร้อมกันทั้งสองฝั่ง เสร็จจากนั้นก็นั่งฟังเทศน์ฟังธรรม ดูการละเล่นไทยๆ ภายใต้บรรยากาศแบบเก่าๆ อันสงบร่มรื่นค่ะ  ใครที่อยากทำบุญตักบาตรที่ตลาดน้ำขวัญเรียม สามารถมาร่วมกิจกรรมได้ในวันที่ตลาดน้ำเปิดทำการนะคะ ตลาดน้ำขวัญเรียมมีจุดเด่นตรงที่อยู่ระหว่างสองวัด คือ วัดบำเพ็ญเหนือ และวันบางเพ็งใต้ จึงสะดวกอย่างมากสำหรับการไปไหว้พระทำบุญ แต่ใครที่อยากมาใส่บาตรด้วย ก็ต้องมากันแต่เช้าตรู่หน่อยนะคะ ส่วนของที่ใส่บาตรนั้น หากสะดวกก็ตระเตรียมมาจากบ้านกันได้เลย แต่หากว่าไม่สะดวกก็สามารถมาเลือกซื้อที่ตลาดน้ำได้ค่ะ ซึ่งมีจำหน่ายอาหารชุดทั้งอาหารสดและอาหารแห้งค่ะ




สะพานนี้จัดว่าเป็นไฮไลท์และเป็นสัญลักษณ์ประจำตลาดน้ำขวัญเรียมค่ะ ซึ่งอยู่ตรงกลางตลาดเชื่อมระหว่างวัดบำเพ็ญเหนือและบางเพ็งใต้ มีความสวยงามและโดดเด่นที่ใครต่อใครมักจะมาถ่ายภาพกันไม่ขาดสาย หากวันใดอากาศร้อนหรือมีฝนตก ทางตลาดน้ำยังบริการร่มไว้ให้ตรงเชิงสะพานทางขึ้นลงด้วยค่ะ ใช้เสร็จแล้วนำมาคืนด้วยนะเออ ห้ามนำกลับไปบ้านกันน๊าาา ส่วนผู้สูงอายุหรือผู้พิการที่นั่งรถเข็น หรือเดินขึ้นบันไดไม่ค่อยถนัดนัก สะพานแห่งนี้ยังได้สร้างลิฟท์ไว้ให้บริการอีกด้วยค่ะ นี่คืออีกหนึ่งประทับใจสำหรับตลาดน้ำขวัญเรียม ที่ใครๆ มาแล้วก็สามารถข้ามสะพานได้สะดวกมากขึ้นค่ะ 




โดยปกติแล้วตลาดน้ำเรามักจะเห็นพ่อค้าแม่ค้าพายเรือขายของอยู่ริมน้ำ แต่ที่ตลาดน้ำขวัญเรียมนั้นจะใช้เรือขนาดใหญ่ หรือเรือเอี๊ยมจุ๊น และเรือบรรทุกสินค้าในครั้งอดีตมาปรับเป็นร้านอาหารแทนค่ะ โดยจะจอดเรียงกันอยู่ริมน้ำ แม้ว่าตลาดน้ำแห่งนี้จะไม่มีแม่ค้าและพ่อค้าพายเรือมาขายของเหมือนกับหลายๆ ที่ แต่ก็ยังคงมีความโดดเด่นเฉพาะตัว และบางลำยังมีที่นั่งภายในเรือให้ลงไปนั่งทานข้าวกันแบบแนบชิดกับบรรยากาศกันเลยค่ะ




คลองแสนแสบแห่งทุ่งบางกะปิ ต้นกำเนิดภาพยนตร์ตำนานรักอันน่าเศร้าที่เล่าขานกันว่า เรียมนั้นได้ใช้มีดแทงฆ่าตัวตายตามอ้ายขวัญซึ่งเป็นหนุ่มคนรัก ณ ท้องน้ำแห่งนี้ อันเป็นที่พลอดรักของคนทั้งคู่ และท้องน้ำคลองแสนแสบนี้เอง ยังเป็นสายน้ำที่ไหลสู่ศาลเจ้าพ่อไทร สถานที่ที่ขวัญกับเรียมเคยสาบานว่า “จะรักกันตราบจนความตายจะมาพรากจากกัน” จากเรื่องเล่าขานกลายเป็นตำนานมีชีวิต เมื่อชาวบ้านได้นำรูปปั้นขวัญและเรียมขี่ควายตั้งเป็นอนุสรณ์ให้รู้ว่า เมื่ออดีตที่นี่เคยเป็นจุดเริ่มต้นความรักที่ไม่สมหวังของหนุ่มสาวของทุ่งบางกะปิแห่งนี้




ตลาดน้ำขวัญเรียมยังจัดให้มีเรือท่องเที่ยวไว้ให้บริการอีกด้วยนะคะ การล่องเรือชมคลองแสนแสบไปกลับประมาณ 4 กิโลเมตร เพื่อชมวิถีชีวิตสองฝั่งคลอง โดยเรือของแต่ละลำจะมีมัคคุเทศก์ตัวน้อยคอยบรรยายประวัติความเป็นมาของคลองแสนแสบ และวิถีชีวิตริมสองฝั่งคลองให้เราได้ทราบกันด้วย โดยมีค่าโดยสารเป็นทิปน้องๆ คนละ 10 บาท สามารถขึ้นเรือได้จากตลาดน้ำฝั่งวัดบำเพ็ญเหนือบริเวณสะพานที่เชื่อมระหว่างสองวัดค่ะ




เราจะเดินขึ้นสะพานข้ามคลองจากวัดบำเพ็ญเหนือไปฝั่งวัดบางเพ็งใต้กันนะคะ และจะเดินชมร้านรวงต่างๆ ไปด้วย ซึ่งบนสะพานยังมีการแบ่งล็อคเป็นร้านขายของอีกหลายร้าน เดินชมกันเล่นๆ ถูกใจก็ควักกระเป๋ากันไป อิอิ  ซึ่งฝั่งวัดบางเพ็งใต้ก็มีตลาดขายของเช่นเดียวกับฝั่งวัดบำเพ็ญเหนือ มีทั้งของกิน ของใช้ เสื้อผ้า กระเป๋า และที่มีผู้คนสนใจมากที่สุดคงจะต้องยกให้กับร้านอาหาร เพราะตลาดน้ำแห่งนี้ได้รวมของกินของอร่อยจากหลายๆ ที่มาไว้รวมกัน ณ ตลาดน้ำขวัญเรียม ก่อนที่เราจะพาเพื่อนๆ ไปชมอาหารและทานข้าวกัน เราจะพาไปดูจุดอื่นกันก่อนนะคะ




และที่แปลกตาที่สุดกับตลาดน้ำขวัญเรียม ที่มักจะไม่ค่อยได้พบเห็นตลาดน้ำที่อื่นๆ มีกัน คือการนำสัตว์หลากหลายชนิดมาให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินกัน เราจะค่อยๆ พาทุกคนไปพบกับสัตว์ต่างๆ พร้อมกันนะคะ สัตว์ชนิดแรก คือ “นกแก้วมาคอว์” ถือว่าเป็นนกแก้วที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีถิ่นกำเนิดในเม็กซิโกและอเมริกาใต้ มีสีสันสวยงามและมีเสียงร้องที่ดังมากเช่นกัน นิยมเลี้ยงกันมากเนื่องจากมีสีสันที่สวยงาม เชื่อง และสามารถพูดเลียนเสียงคนได้ 




มาต่อด้วย  "วอลลาบี้ หรือ จิงโจ้แคระ" เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประเภทสัตว์มีกระเป๋าหน้าท้องในตัวเมีย สำหรับแพร่ขยายพันธุ์และเป็นที่อยู่อาศัยของลูกอ่อน เป็นสัตว์ประจำท้องถิ่นของออสเตรเลีย โดยมีขาหลังที่ยาวแข็งแกร่ง ทรงพลัง ใช้ในการกระโดด และมีส่วนหางที่แข็งแรงใช้ในการทรงตัว และใช้ในการกระโดดเช่นกัน "แพรรี่ด๊อก หรือ กระรอกดิน"  มีลักษณะโดยทั่วไป คือ ใบหูเล็ก ดวงตากลมโต ฟันแข็งแรง ขาคู่หน้าจะมีเล็บที่แหลมคมและแข็งแรง มีหน้าที่ขุดคุ้ยดินเพื่อหาอาหารและขุดโพรงอยู่อาศัย แพรรี่ด๊อกจะเป็นสัตว์ฟันแทะวงศ์เดียวกับกระรอก แต่จะไม่อาศัยและหากินบนต้นไม้เหมือนกระรอกทั่วไป แต่จะหากินและทำรังด้วยการขุดโพรงอยู่ตามพื้นดิน 




เต่ายักษ์ซูคาต้า เป็นเต่าบกชนิดหนึ่ง ตัวโตมีขนาดใหญ่ ปัจจุบันเต่าซูคาต้าเป็นเต่าบกที่นิยมเลี้ยงกันเป็นสัตว์เลี้ยงค่ะ เต่ายักษ์ซูคาต้ากินอาหารได้หลายชนิดเชียวนะ ... รู้กันยัง ทั้งหญ้า วัชพืช และผลไม้ต่างๆ นอกจากนั้นความพิเศษแตกต่างไปจากเต่าบกชนิดอื่นๆ ของเต่ายักษ์ซูคาต้า คือ เดินเก่งและเดินได้เร็วค่ะ ดูลักษณะไม่น่าเชื่อเลยใช่มั้ย เพราะดูต้วมเตี้ยมเหลือเกิน ฮ่าๆ ปัจจุบันเต่ายักษ์ซูคาต้ายังสามารถเพราะขยายพันธุ์ในที่เลี้ยงได้แล้ว รวมถึงในประเทศไทยด้วยนะเออ




"ม้าแคระ"  ถือว่าเป็นม้าที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก มีขนาดลำตัวกะทัดรัดสีขนส่วนใหญ่เป็นสีน้ำตาลหรือดำ ขนยาวเป็นเงามีสายตาดี เป็นสัตว์ที่ฉลาดและสุภาพ สามารถฝึกได้ นิยมเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงค่ะ หากพูดถึงม้าแล้ว หลายคนคงจะนึกถึงสัตว์บกตัวใหญ่ที่วิ่งเร็ว สง่างามน่าเกรงขาม แต่เราอยากบอกให้รู้ว่า ม้าที่น่ารัก น่าหยิก น่ากอด ก็มีเหมือนกันนะคะ ม้าประเภทนี้จะตัวเล็กแต่วิ่งช้า ซึ่งเรียกว่า ม้าแคระนี่แหละ และม้าแคระถือว่าเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงที่เกิดจากต่างประเทศ แต่มาดังในประเทศไทยค่ะ หากใครไม่รู้จักม้าแคระถือว่าเชยมากนะขอบอก ฮี่ๆ




แพะพันธุ์แองโกล่า เป็นแพะพันธุ์ขนของประเทศตุรกีในเขตแองโกล่า ขนของแพะแองโกล่า เรียกว่า โมแฮร์ ขนของแพะอายุไม่เกิน 1 ปี จะมีราคาแพงมาก แพะแองโกล่าเป็นแพะที่มีรูปร่างขนาดเล็กมีขนค่อนข้างยาวเมื่อเทียบกับพันธุ์อื่นๆ เส้นขนเป็นปุยหยิกละเอียดอ่อนและนุ่ม  ซึ่งในต่างประเทศจึงนิยมเลี้ยงเพื่อเป็นแพะขน สีขนมีสีขาว บางตัวมีเขา บางตัวก็ไม่มีเขา หากเลี้ยงในเขตที่มีอากาศร้อนมาก แพะจะเกิดอาการเครียดจากความร้อนค่ะ และขนจะพันกันทำให้สกปรกง่าย จึงต้องทำการตัดขนปีละ 2 ครั้ง




นอกจากนั้นที่สร้างความตื่นตากับผู้พบเห็น คือ แกะหน้าแพนด้า หรือ Kerry Hill sheep สายพันธุ์หายาก มาจากประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นแกะที่มีหน้าตาคล้ายแพนด้า มีสีที่โดดเด่น และไม่ซ้ำกับแกะสายพันธุ์อื่น  โดยทั้งตัวผู้และตัวเมีย จะมีลำตัวสีขาว และใบหน้าก็จะมีขนสีขาวเช่นกัน  แต่จะมีขนสีดำบริเวณรอบปาก ใบหูและมีขอบตาเป็นสีดำ เท้าทั้งสี่ข้างเสมือนสวมถุงเท้าดำ ลักษณะท่าทางของแกะหน้าแพนด้าจะน่ารักและมีความเชื่องมาก ที่สำคัญกินอาหารประเภทพืชและหญ้าเป็นหลัก ชอบกินใบไผ่เหมือนแพนด้าจีนด้วยนะเออ




ต่อมาพามาชมเล้าเป็ดค่ะ ตกลงเป็ดหรือว่าห่านก็ไม่รู้จิ เอาเป็นว่าตามนั้นล่ะกัน ฮ่าๆ พอดีไม่ได้จบทางปศุสัตว์มาด้วยจิ เหอๆ มีอยู่หลายเล้าเลยค่ะ แต่เลี้ยงรวมกันในหนองบึง ซึ่งปกติเป็ดจะชอบน้ำอยู่แล้ว บางตัวก็ยืนอยู่บนบกไซร้ขนแต่งตัว บางตัวก็ลงไปว่ายน้ำ ดูรวมๆ แล้วบรรยากาศบ้านๆ ทำให้รู้สึกสบายตาสบายใจ พาเดินมาจนรอบแระ ขอตัวไปหาอะไรรองท้องและพาไปชมของกินของอร่อยก่อนจะกลับบ้านกันดีกว่า ตบกระเป๋าไปกันเลยค่าา เตรียมเงินแล้วเตรียมพุงด้วยนะเออ อิอิ  ต่อไปนี้เราจะไม่อธิบายอะไรมากนะคะ ขอใช้รูปเป็นตัวเล่าเรื่อง เพื่อเลือกซื้อเลือกทานและเลือกซื้อหิ้วกลับบ้านจากของอร่อยๆ จากทุกภาคทั้งบนบกและในน้ำ ทั้งอาหารคาวหวานที่มีให้เลือกช้อปกันแบบจุใจ ไปกันเล้ยยย




ใครที่มีวันหยุดหรือเวลาว่างในวันเสาร์อาทิตย์ ก็ลองแวะมาเดินเล่นที่ตลาดน้ำขวัญเรียมดูนะคะ มารับอากาศสบายๆ แบบฉบับธรรมชาติริมคลอง ถึงแม้จะไม่ได้บรรยากาศในยุคขวัญเรียมเมื่อหลายสิบก่อน แต่ก็ยังพอมีกลิ่นอายให้คนรุ่นหลังได้รำลึกถึง ได้รับความสงบแบบที่หาไม่ได้ง่ายๆ ในกลางเมืองใหญ่ที่วุ่นวายค่ะ นอกจากนั้นยังได้มาสัมผัสกับของกินของอร่อยหลากหลายชนิดมากมายให้ได้มาเลือกจ่ายกันแบบจัดเต็ม ชวนเพื่อนจูงลูกจูงหลานมาเที่ยวชมให้สนุกหรรษาในวันหยุดพักผ่อนค่ะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น