เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติอ่างกา ดอยอินทนนท์ เชียงใหม่



บนดอยอินทนนท์มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่นักท่องเที่ยวมักนิยมไปเดินมีอยู่ 2 เส้นทางด้วยกันค่ะ คือ เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา  และ  เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน  สองเส้นทางนี้จะมีระยะทางและใช้เวลาในการเดินแตกต่างกันพอสมควร  สำหรับทริปนี้เรากวาดเรียบทั้งสองเส้นทางเลยค่ะ อิอิ แต่เราขอรีวิวเส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกาก่อนเนอะ  ซึ่งจริงๆ แล้วเราเดินที่กิ่วแม่ป่านเสร็จแล้ว จึงได้ขับรถมาเดินต่อที่อ่างกาค่ะ เนื่องจากรูปภาพที่กิ่วแม่ปานค่อนข้างจะเยอะ เราขอเวลารวบรวมเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังในวันหลังนะคะ




เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติอ่างกา หรืออ่างกาหลวง  ตั้งอยู่บนยอดดอยอินทนนท์  ด้วยความสูงกว่า 2,500 เมตร จากระดับน้ำทะเล  จึงทำให้สภาพภูมิประเทศบริเวณนี้มีอากาศที่หนาวเย็นเกือบตลอดปี มีลักษณะโดยทั่วไปเป็นป่าดิบปกคลุมไปด้วยพรรณไม้เขตอบอุ่นผสมเขตร้อน  โดยรวมมีสภาพป่าที่หลากหลาย มีพืชพรรณนานาชนิด ซึ่งที่มาของชื่ออ่างกาเป็นชื่อมีที่มาถึง 3 แบบ  ได้แก่ ลักษณะของหินในบริเวณนี้มีรูปร่างคล้ายกา อ่างกาเป็นคำที่เพี้ยนมาจากอั่งกาที่แปลว่าภูเขาใหญ่  และสมัยก่อนบริเวณแอ่งน้ำขังนี้เคยมีอีกามาเล่นน้ำอยู่บ่อยครั้งค่ะ




หลังจากจอดรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็รีบออกเดินในทันที เพราะยิ่งช้านักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ก็จะเริ่มทยอยขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เส้นทางช่วงแรกจะเป็นขั้นบันไดเทปูน เดินไปแค่นิดเดียว เราก็จะเจอป้ายสูงสุดแดนสยาม  ซึ่งเป็นป้ายไฮไลท์ที่ใครต่อใครจะต้องแวะถ่ายรูปกันทุกคน สิ่งที่น่าสนใจของอ่างกาที่ทำให้ผู้คนและนักท่องเที่ยวต่างเดินทางขึ้นมาถึงดอยอินทนนท์ ก็คือ การวางเส้นทางสำรวจและการออกแบบเส้นทางเดินโดยคุณไมเคิล แมคมิลแลน วอลซ์ นักสัตววิทยาและอาสาสมัครชาวแคนาดาที่เคยประจำอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่  .ซึ่งมีลักษณะทางเดินเป็นวงกลมมีระยะทางโดยรวมของเส้นทางนี้ประมาณ  300 – 400 เมตร เป็นเส้นทางที่เดินได้ง่าย ระยะทางสั้น พื้นที่ราบเรียบ ไม่อันตรายค่ะ 




เดินมาถึงจุดสถูปเจ้าอินทวิชยานนท์  หรือ กู่พระเจ้าอินทวิชยานนท์ ซึ่งเป็นพระบิดาของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕)  พระองค์เป็นเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ ๗ องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ทิพย์จักร หลังจากพระองค์ได้เสด็จพิราลัย พระอัฐส่วนหนึ่งได้เชิญไปประดิษฐาน ณ พระสถูปบนยอดดอยอินทนนท์แห่งนี้ค่ะ ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระองค์ทรงรักและหวงแหนมากที่สุด หากไม่เร่งรีบมากนัก ควรแวะกราบไหว้เพื่อเป็นการแสดงถึงความเคารพและขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลให้กับตัวเองนะคะ




ทันทีที่เดินเข้าไปในอ่างกาจะรู้สึกได้ถึงอากาศที่เย็นและชื้นกว่าบริเวณด้านนอก เพราะมีต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นปกคลุมเต็มพื้นที่  ทางเดินช่วงแรกนั้นเป็นพื้นดินธรรมดา จากนั้นก็จะเป็นทางเดินไม้ยกระดับ เมื่อมีโอกาสได้มาใกล้ชิดธรรมชาติกันขนาดนี้ ไม่ควรเร่งรีบกับสถานที่แห่งนี้กันนะคะ ใช้เวลาให้คุ้มค่าในการซึบซับบรรยากาศ และแวะชมความงดงามของผืนป่าในระยะใกล้ ถ้าเป็นช่วงหน้าฝนหรือเข้าฤดูปลายฝนต้นหนาวแล้ว สถานที่แห่งนี้จะสวยกว่านี้อีกเยอะค่ะ เพราะความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า ทำให้มีมอสและเฟิร์นขึ้นห่อหุ้มอย่างหนาแน่น โอบล้อมเต็มต้นไม้จนแลดูราวกับป่าในยุคดึกดำบรรพ์เลยค่ะ แต่เราไปคนละฤดูกาล มอสและเฟินเลยบางตาเท่าที่เห็น แฮ่ๆ นอกจากนั้นเส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกายังเป็นจุดชมนกที่สำคัญอีกด้วย ใครที่ชอบถ่ายภาพนกไม่ควรพลาดเลยนะคะ อิอิ




เมื่อเดินจนสุดทางออก ก็จะมีมุมถ่ายภาพกันเล็กน้อย ช่วงคนเยอะก็ต้องอดทนต่อคิวกันนิดหนึ่งนะคะ อิอิ  ช่วงที่เราเดินทางไป เจอชาวต่างชาติค่อนข้างเยอะทีเดียว น่าจะเป็นคนจีนแถวสิบสองปันนาประมาณนั่น สังเกตจากชุดและเครื่องแต่งกายค่ะ แฮ่ๆ สำหรับเส้นทางการท่องเที่ยวบนดอยอินทนนท์นั้นยังมีเส้นทางและสถานที่ที่น่าสนใจอีกมากมายหลายแห่ง เพราะที่นี่มีอากาศที่หนาวเย็น และความมหัศจรรย์ของผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ ฯลฯ เราเชื่อว่าต่อให้แต่ละคนที่เคยเดินทางมาที่นี่แล้วสักกี่ครั้ง เสน่ห์และความประทับใจของดอยอินทนนท์ก็ยังคงตราตรึงและดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางกลับมาเยือนที่นี่กันอยู่เสมอ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น