วัดสมานรัตนาราม (Wat Saman Rattanaram) ฉะเชิงเทรา



วัดสมานรัตนาราม หรือที่หลายคนรู้จักกันดีในนามว่า  "วัดพระพิฆเนศ" ซึ่งอยู่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาดในการมาเที่ยวเมืองแปดริ้ว เพราะพระพิฆเนศปางนอนเสวยสุขนี่เอง ที่ทำให้วัดสมานรัตนารามแห่งนี้ มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกว้างขวางแก่ประชาชนคนทั่วไปได้อย่างรวดเร็ว และเป็นวัดที่มีประชาชนหลั่งไหลมากราบไหว้ขอพร ให้เทพเจ้าคุ้มครองแคล้วคลาดจากอันตรายทั้งหลายทั้งปวง




ถ้ามาที่นี่สายมากๆ ... บอกเลยว่าหาที่จอดรถใกล้ๆ เดินไม่ไกลนั้นยากมากค่ะ  แต่เราได้สถานที่จอดเหมาะเหลือเกิน หน้าสำนักงานนี่แหล่ะ ฮ่าๆ ดับเครื่องก้าวลงจากรถพร้อมสตาร์ทเดินกันเลยนะคะ อย่าลืมพกหมวกพกร่มติดไม้ติดมือไปด้วยนะคะ เพราะอากาศและแสงแดดค่อนข้างจะร้อน เราจะพาเดินไล่ไปทีละจุดกันเลย พอเดินเข้ามาในบริเวณเริ่มจะมองเห็นประชาชนที่มาท่องเที่ยวและกราบไหว้พระเยอะขึ้นเรื่อยๆ หากมากันเป็นกลุ่มใหญ่เห็นทีจะต้องแบ่งกลุ่มให้เล็กลง แล้วแยกย้ายกันเดินตามอัธยาศัยจะคล่องตัวมากขึ้นนะคะ




วัดสมานรัตนาราม (Wat Saman Rattanaram in Chachoengsao Thailand) เป็นอีกหนึ่งวัดในจังหวัดฉะเชิงเทราที่ควรหาโอกาสแวะมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จุดโดดเด่นภายในวัดสมานรัตนารามนั้นมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย ได้แก่ พระพิฆเนศปางเสวยสุข พระราหู พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ พระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม หลวงพ่อโต หลวงพ่อองค์ดำ เป็นต้น




วัดสมานรัตนารามเป็นวัดที่มีเนื้อที่ในการเดินเที่ยวและสถานที่ถ่ายรูปค่อนข้างกว้าง ประชาชนจะหนาแน่นเป็นพิเศษในวันหยุดและวันนักขัตฤกษ์ ส่วนในวันหยุดจะมีพ่อค้าแม่ค้ามาวางสินค้าจำหน่ายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นของกิน เสื้อผ้า เครื่องประดับ และเครื่องใช้ แต่ที่เยอะมากเห็นจะเป็นของกิน ทั้งอาหารคาว ขนมหวาน ผลไม้ และสิ่งที่เราชอบมากที่สุด คือ จะมีชาวบ้านเก็บพืชผักผลไม้จากสวนสดๆ จากต้นมาวางขาย ขากลับเราแวะซื้อกลับบ้านเต็มสองมือเลยค่ะ เมื่อไหว้พระทำบุญกันแล้ว ก็เดินเก็บภาพเป็นที่ระลึกพร้อมหาของกินอร่อยๆ รองท้องกันก่อนนะคะ




จุดแรกพามาชมพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ หรือ ช้างสามเศียร ถือว่าเป็นเจ้าแห่งช้างทั้งปวงในสากลจักรวาล เป็นพาหนะคู่พระทัยของพระอินทร์ ด้วยเหตุนี้ช้างเอราวัณจึงเป็นสัญลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งของพระอินทร์ สัญลักษณ์ของการทำความดี และสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ นักท่องเที่ยวที่มากราบไหว้พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณที่วัดสมานรัตนารามแห่งนี้ ส่วนใหญ่นิยมมาเดินลอดท้องช้าง เพื่อสะเดาะเคราะห์และเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตค่ะ




จุดที่ 2 พระราหู โดยมีความเชื่อกันว่าการบูชาพระราหู ซึ่งถือเป็นเทพองค์หนึ่งที่สามารถบันดาลประโยชน์ และให้โทษเกิดขึ้นกับบุคคลหรือสิ่งของต่างๆ ได้ ดังนั้น จึงมีการคิดค้นวิธีการบูชาพระราหูเกิดขึ้น เนื่องจากมีความเชื่อว่า หากมีสิ่งเลวร้ายที่จะเกิดขึ้น ก็สามารถทำให้เบาบางลงและเปลี่ยนให้เป็นสิ่งที่ดี และให้เกิดความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีโชคมีลาภ การไหว้พระราหูตามความเชื่อนั้น จะทำให้เกิดโชคลาภและความสำเร็จ ซึ่งการบูชาพระราหูจะนำความสำเร็จและโชคอย่างดีที่สุด รวมทั้งการไหว้พระราหูยังช่วยในเรื่องของการแก้ปีชงอีกด้วย  จุดที่ 3 หลวงพ่อองค์ดำ  อยู่ด้านหลังพระพิฆเนศปางนอนเสวยสุข เป็นศาลาโล่ง ภายในประดิษฐานหลวงพ่อองค์ดำ ซึ่งจำลองมาจาก "หลวงพ่อพระพุทธเจ้าองค์ดำ"  ที่ประดิษฐานอยู่ที่เมืองนาลันทา  ประเทศอินเดีย อายุประมาณ 1,200 ปี ชาวบ้านมีความเชื่อว่าถ้าเกิดเจ็บป่วย ก็จะมาอธิษฐานขอให้หายจากโรคภัยค่ะ  และจุดที่ 4 หลวงพ่อโต ซึ่งได้รับการกล่าวขานถึงความศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชนนานกว่า 200 ปี คนส่วนใหญ่เชื่อว่าหลวงพ่อโตมีอิทธิฤทธิ์มากมาย โดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลือการเจ็บไข้ได้ป่วยทั้งหลายที่มาบอกเล่าบนบานกราบไหว้  




จุดที่ 5 พระพิฆเนศปางนอนเสวยสุข ซึ่งมีความหมายว่า เป็นปางที่ประทานความมีกินมีใช้ มีเงินทองไม่ขาดมือ อยู่อย่างสบาย อิ่มหนำสำราญ ขจัดปัญหาไม่มีเรื่องให้ทุกข์ร้อนใจ เนื้อองค์มีสีชมพู รอบฐานมีปางต่างๆ ให้ได้ชมอย่างใกล้ชิด ภายใต้ฐานพระพิฆเนศเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงเกี่ยวกับพระพิฆเนศปางต่างๆ พร้อมทั้งเปิดให้ประชาชนทั่วไปเช่าพระพิฆเนศไปบูชาที่บ้านอีกด้วย ดังนั้น การไหว้องค์พระพิฆเนศปางนอนเสวยสุขนั้น เชื่อกันว่าจะได้รับความสุขสบาย ความสุขบริบูรณ์ มั่งคั่ง พรั่งพร้อมในทุกๆ ด้าน ไร้ทุกข์ ไร้ความเศร้าหมอง และมีโชคลาภ ส่วนการจะขอพรนั้นให้กระซิบที่หูหนูมุสิกะ ซึ่งเป็นบริวารและเป็นต้นห้องของพระพิฆเนศ ซึ่งอยู่ทางด้านหน้า โดยขณะกระซิบขอพรนั้น จะต้องเอามืออุดหูของหนูอีกข้างด้วยนะคะ ถือเคล็ดเพื่อให้คำขอจะได้ไม่เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาค่ะ หลังจากสักการะองค์พระพิฆเนศเสร็จแล้ว อย่าลืมเดินขอพรรอบฐานที่มีองค์พระพิฆเนศทั้ง 32 ปางด้วยนะคะ เมื่อเสร็จแล้วก็ไปจุดอื่นกันต่อเลยค่ะ




จุดที่ 6 ไม่ใกล้ไม่ไกลจากองค์พระพิฆเนศปางเสวยสุขมากนัก ก็มีรูปปั้นพญานาคคู่ขนาดใหญ่ ตั้งสง่าอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง ลักษณะของพญานาคตามความเชื่อในแต่ละภูมิภาคจะแตกต่างกันออกไป แต่พื้นฐานแล้วพญานาคนั้นมีลักษณะเหมือนงูตัวใหญ่มีหงอนสีทอง มีเกล็ดเหมือนปลา และมีหลายสีแตกต่างกันไป แต่ที่วัดสมานรัตนารามได้สร้างเป็นสีเขียวและสีแดงค่ะ พญานาคเป็นสัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ และความมีวาสนา อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของบันไดสู่จักรวาลอีกด้วย ความงดงามของพญานาคที่นี่กลายเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของทุกๆ คนที่ได้มาเยือน จะต้องมายืนร่วมเฟรมถ่ายภาพค่ะ




จุดที่ 7 ถัดจากพญานาคแล้ว เดินมาอีกสักนิดจะเป็นบริเวณริมน้ำก็จะมองเห็นดอกบัวยักษ์สีชมพูสดใสลอยอยู่ในแม่น้ำ ซึ่งภายในดอกบัวยักษ์จะเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุมีการทำสะพานเชื่อมให้ประชาชนสามารถเดินข้ามไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุได้อย่างใกล้ชิด มุมเดียวแต่ใช้เครื่องมือต่างชนิดในการถ่ายภาพค่ะ  




จุดที่ 8 พระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมปางพระทานบุตร วัดสมานรัตนารามมีลักษณะเนื้ององค์ทำด้วยปูนปั้นประทับยืนบนฐานดอกบัว รอบฐานมีเทพแปดเซียนประดิษฐานอยู่โดยรอบ และรอบฐานด้านล่างมีกลีบบัวล้อมรอบ ความเชื่อความศรัทธาเจ้าแม่กวนอิมปางประทานบุตร ประชาชนผู้มีจิตศรัทธาเชื่อว่าเป็นเทพเจ้าผู้ประทานบุตร ประทานการงาน การเงินค่ะ




จริงๆ แล้ว วัดสมานรัตนารามยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกมากมายนัก แต่เราเดินยังไม่ทั่วเท่าไหร่ค่ะ ใช้เวลาในการไหว้พระและเดินชมบริเวณวัดเพียงครึ่งวันก็ถึงมื้อกลางวันกันแล้ว ต้องขอพักเบรคทานข้าวกันก่อนนะคะ ภายในวัดมีเรือนแพขายอาหารด้วยนะ ถ้าไม่อยากออกไปทานข้างนอก จะทานร้านนี้ก็สะดวกค่ะ ทานอิ่มแล้วก็เดินเที่ยวภายในวัดได้อีกหลายรอบค่ะ ไว้วันหน้าหากเราเดินทางมาไหว้พระที่วัดสมานรัตนารามอีกครั้ง แล้วเราจะมารีวิวเพิ่มเติมนะคะ 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น